"ศาลฎีกาฯ"มีมติเอกฉันท์ยกฟ้อง ยิ่งลักษณ์ พร้อมพวกรวม 6 คน คดีจัดอีเว้นต์ Roadshow สร้างอนาคตไทย จำนวน 240 ล้าน ชี้ไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์จัดซื้อจัดจ้างโครงการ พร้อมสั่งเพิกถอนหมายจับคดีนี้

นิวัฒน์ธำรง - สุรนันท์ ขอบคุณศาลเมตตา ยกฟ้องคดีจัดโรดโชว์ ไทยแลนด์ 2020 เปรียบยกภูเขาออกจากออก หลังภูกหล่าวหาทุจริตหลายปี   ด้าน ธนพร  นักวิชาการ ฟันธงเป็นสัญญาณดี ยิ่งลักษณ์ กลับไทย


 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 4 มี.ค.67  ศาลอ่านคำพิพากษาคดีกล่าวหาว่าปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม กรณีการจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2022 วงเงิน 240 ล้านบาท โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล , นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ , บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) , บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) , นายระวิ โหลทอง เป็นจำเลยที่ 1-6 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามคดีหมายเลขดำที่ อม.2/2565 หลังจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีการติดประกาศแจ้งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลยที่ 1 (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนีคดีในต่างประเทศ ถูกออกหมายจับ) รับทราบการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้เป็นทางการไปแล้ว 
 
โดยศาลฯ พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน ได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ, บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน), บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน), นายระวิ โหลทอง ในคดีกล่าวหาว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรม กรณีการจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2022 วงเงิน 240 ล้าน โดยศาลฯเห็นว่า ไม่มีเจตนาเอื้อประโยชน์จัดซื้อจัดจ้าง และมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีนี้
 
คดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกล่าวหาว่าช่วงเดือนส.ค.56 ถึง 21 มี.ค.57 จำเลยที่ 1 ถึง 3 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 อย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่จำเลยที่ 4 และ 5 ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ
 
กระทั่งต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้โครงการ Roadshow ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เสียหายกว่า 239,700,000 บาท

 ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดเห็นควรไม่สั่งฟ้อง เพราะพบว่าช่วงหลังจากที่กลุ่มเอกชนประกอบธุรกิจสื่อ ทำหนังสือทวงถามการจ่ายเงินว่าจ้างโครงการฯ นี้ หลังจากที่จัดงานเสร็จสิ้นแล้ว สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตรวจสอบข้อมูลและอ้างว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบพัสดุ จึงมีการจ่ายเงินให้ไป ซึ่งคณะทำงานร่วมฝ่าย อสส. เห็นว่าเป็นข้อมูลสำคัญ และทำให้สำนวนการคดีนี้ไม่สมบูรณ์ ก่อนจะมีความเห็นไม่สั่งฟ้องคดี ป.ป.ช.จึงยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเอง
  
   นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ เปิดเผยภายหลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีจัดโรดโชว์ ไทยแลนด์ 2020 ว่า วันนี้ได้รับความเมตตาจากศาล พิจารณาทุกประเด็นอย่างถี่ถ้วน และยกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน รวมถึงให้เพิกถอนหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และถือเป็นการรอคอยความยุติธรรมมานานหลายปีที่ ป.ป.ช.ฟ้อง จนไต่สวน   และเข้าสู่กระบวนการของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   ในความรู้สึกผู้ถูกฟ้องถือเป็นความทรมานจิตใจ   แต่วันนี้ศาลได้ให้ความเมตตา กรุณา   ดูรายละเอียดทั้งหมด    จากคำให้การทั้งสองฝ่าย ซึ่งนำมาสู่ผลพิพากษาวันนีั ทั้งนี้ยังไม่ได้ติดต่อและสื่อสารกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ถึงข่าวดีในวันนี้ แต่โครงการนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือเป็นผู้มีส่วนร่วมน้อยมาก แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ 
    
 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นการล้างมลทินคณะทำงานในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์หรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดล้างมลทิน แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติงานอย่างสุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อมีคนฟ้อง ป.ป.ช. สอบ  เมื่อมีมูลก็มานำมาสู่กระบวนการศาลฎีกาฯ นักการเมือง   แต่วันนี้เป็นการพิจารณาตามข้อเท็จจริงมากกว่า ส่วนตัวมีความโล่งใจ 
    
 นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ น.ส. ยิ่งลักษณ์  กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ความยุติธรรมกับตนเอง และจำเลยอีก 5 คน วันนี้คำพิพากษาค่อนข้างละเอียด   พิจารณาทุกแง่มุม    หากได้อ่านคำวินิจฉัยจะเห็นวินิจฉัยด้วยความละเอียด ถี่ถ้วน ทำให้ตนเองเชื่อมั่นในระบบความยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างเต็มที่   และขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มีใหัมาตลอด และวันนี้ผลการพิพากษา ถือเป็นการยกภูเขาอีกลูกออกจากอกไป   และคดีเหล่านี้ ไม่เข้าใครออกใคร การที่ต้องมาเผชิญ กับเรื่องเหล่านี้มานานหลายปี   ก็สบายใจ และถือว่าได้ทำงานปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น  อย่างครบถ้วน และถูกต้อง 
  
   นายสุรนันท์ กล่าวว่า เป็นการยืนยันในเจตนา แม้ตอนนั้นจะถูกฟ้องโดยป.ป.ช. และแถลงข่าวมา ตนก็ไม่เคยโต้ตอบ เพียงแต่รอวันที่ศาลจะตัดสิน เมื่อวันนี้ศาลยกฟ้องก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพวกเราบริสุทธิ์ และวันนี้ไม่ใช่การมาเจอกันครั้งแรกของคณะทำงานรัฐบาลน.ศ.ยิ่งลักษณ์   ซึ่งเรานัดเจอกันตลอด ทุกครั้งที่มาชี้แจงกับศาล
 
ขณะที่ นายธนพร ศรียากูล นักวิชาการ ในฐานะที่เข้าไปนั่งฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี  เปิดเผยว่า ทุกอย่างครบถ้วนมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ซึ่งผลของการพิพากษาในวันนี้จะส่งผลดีต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะในคดีที่ถูกดำเนินคดีรับจำนำข้าวโทษ 5 ปี   และเป็นสัญญาณดีกับเอฟซีน.ส. ยิ่งลักษณ์   และปีนี้ เชื่อว่าจะได้เห็นตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในประเทศไทย โดยอาจใช้โมเดลของนายใหญ่ นายทักษิณ ชินวัตร เข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม และดำเนินตามขั้นตอนต่อไป