“ปธ.กมธ.ที่ดินฯ”นำคณะลงพื้นที่ อุทยานฯ เขาใหญ่’ มองการออก ส.ป.ก.มีช่องโหว่มาก ตั้งข้อสังเกต อาจมีทุจริต-เอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ จ่อเรียก ‘รมว.เกษตรฯ’ เข้าแจง 6 มี.ค.นี้

วันที่ 4 มี.ค. 2567 ที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธาน กมธ.การที่ดินฯ นำคณะลงพื้นที่ศึกษาดูงานเกี่ยวกับปัญหาพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินทับซ้อน ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเจ้าหน้าที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) จังหวัดนครราชสีมา

โดยนายอภิชาติ กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ว่า ถ้าหากดูพื้นที่แนวเขต แต่ละหน่วยงานก็ต่างอ้างกฤษฎีกาของตนเองในการปักหมุด ซึ่งต้องไปคุยกันในระดับนโยบาย เรื่องแนวเขตที่ทั้ง 2 หน่วยงานไม่ยอมรับแนวเขตซึ่งกันและกัน ว่าควรออกแนวไหน ถ้าเป็นแนว One Map ให้เร่งรีบทำ เพื่อเป็นข้อสรุปได้

จากที่ดูพื้นที่จริงของอุทยานฯ เขาใหญ่วันนี้ เราเห็นพื้นที่ป่าไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ ทาง ส.ป.ก. ก็เห็นว่าไม่ควรที่จะออก เพราะกระบวนการ One Map แนวเขตยังไม่ชัด แต่ทำไม ส.ป.ก.ระดับพื้นที่ ต้องไปเร่งออกแบบรวดเร็ว ไม่มีการตรวจสอบแนวเขต ทั้งที่หัวหน้าอุทยานฯ ได้ทำหนังสือคัดค้านมา 2 ครั้ง ซึ่งตอบไม่ตรงกัน

โดยครั้งแรกบอกว่า เป็นเขตของ ส.ป.ก. แต่ครั้งที่ 2 บอกว่า เป็นเขตของอุทยานฯ เราสังเกตว่าเรื่องแนวเขตยังไม่ได้ข้อสรุปที่ตรงกัน สรุปว่าแนวเขตเป็นของใครกันแน่ แต่ในระดับการออกใบ ส.ป.ก.ก็ดำเนินการออกไปเรื่อยๆ ซึ่งผิดวิสัยของหน่วยงานที่มีความขัดแย้งเรื่องแนวเขต ที่ควรจะงดหาทางออกเรื่องแนวเขตกันก่อน

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า จากที่ดูพื้นที่ป่าไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ หรืออาจจะเป็นชุมชนเดิมที่มีประชาชนอยู่ วันนี้ไม่มีแล้ว ก็ไปเร่งรีบจัด ส่วนจะจัดสรรให้ใครยังไง เราต้องไปดูทั้ง 5 ราย ที่ได้ใบ ส.ป.ก.ว่ามีคุณสมบัติหรือไม่ กระบวนการที่เร่งรีบออกในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องแนวเขตไปเอื้อต่อใครบางคนหรือไม่

"ตนคิดว่ากระบวนการ และขั้นตอน ในการออก ส.ป.ก. ของเขาใหญ่วันนี้มีช่องโหว่มาก เป็นที่ที่ไม่สมควรออก มติ ครม.ที่บอกว่า พื้นที่ที่สมบูรณ์เป็นป่า ไม่ให้ออก ส.ป.ก. เพราะเป็นแนวทางเดียวกันกับข้อตกลงปี 38 และ ปี 41 ที่ดินที่อยู่เขาใหญ่ เป็นป่าที่สมบูรณ์ไม่ควรออก ส.ป.ก. แต่กลับไปเล่นรีบออก ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า จะมีการเอื้อ หรือทุจริต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องตรวจสอบ และทราบว่าท่านสั่งตรวจสอบแล้ว“

ทั้งนี้ กมธ.การที่ดินฯ ได้เรียกขอเอกสารว่า 5 ท่านนี้เป็นใคร มีวิธีการสอบสิทธิ์มีการสอบอย่างไร ก็จะเอาไปตรวจสอบอีกครั้ง และเอาเข้าที่ประชุม กมธ.การที่ดินฯ ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมร่วมระหว่าง กมธ.การที่ดินฯ และ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์และการปฏิรูป

ส่วนเรื่องนี้จะจบง่ายหรือไม่ นายอภิชาติ กล่าวว่า ถ้า ส.ป.ก.ไม่มีการตรวจสอบฐานข้อมูลที่เข้มข้น ก็จะมีช่องโหว่ และที่ดินในลักษณะนี้ ออกได้หรือออกไม่ได้ ต้องออกระเบียบกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน อย่างนี้ตนไม่ทราบว่าชัดเจนหรือไม่ เพราะออกได้หมด ในปี 64 ได้มีการแก้ระเบียบ ให้เป็นอำนาจเป็นของ ส.ป.ก.จังหวัด ไม่มีกระบวนการตรวจสอบร่วมกัน ก็กลายเป็นว่า จะออกอย่างไรก็ได้ เป็นช่องโหว่อย่างยิ่ง แต่คิดว่าแบบนี้จะมีทั่วประเทศ และว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่าย โดยตนได้แจ้งด้วยวาจาให้ ส.ป.ก.ทำหนังสือชี้แจงเรื่องกระบวนการออกหมุดแล้ว และในวันที่ 6 มี.ค.นี้ จะมีการเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เข้ามาชี้แจงใน กมธ.การที่ดินฯ ด้วย

ส่วนกรณีที่มีการขีดเส้น One Map ภายใน 2 เดือนนี้ นั้น นายอภิชาติ กล่าวว่า เราได้ถามสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ว่าจะทำให้เสร็จภายใน 2 เดือน เพราะทางอุทยานฯ ก็ได้มีการทำคณะกรรมการอนุ One Map ระดับจังหวัดเรียบร้อยแล้ว มีการส่งไปที่ สคทช.แล้ว เป็นไปตาม One Map สามารถยอมรับได้ และ ส.ป.ก.เองก็ไม่ได้คัดค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการลงพื้นที่ของ กมธ.ที่ดินฯ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ได้มีการโต้เถึยงเรื่องแนวเขตกันเล็กน้อย โดยทาง ส.ป.ก. ยืนยันว่า การออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.อาจดำเนินการไม่เหมาะสม และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบการกระทำผิด ก็จะดำเนินการอย่างเข้มงวด