วันที่ 1 มี.ค.67 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า...

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านว่า หลังจากที่โดนตนบ่นไปว่า จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่อัปยศที่สุดถ้าไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวัฒน์จึงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า จะยอมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในช่วงต้นเดือเมษายน เหมือนที่ สว.ได้ยื่นอภิปราย เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่อภิปรายทั่วไปสอบถามรัฐบาล วันนี้เรามาดูสิ่งที่นายชัยธวัชพูด ต้องมองให้ออกอ่านให้ออก

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน บอกว่า ไม่น่าจะอภิปรายรัฐบาลตามมาตรา 151 ได้ เพราะรัฐบาลยังไม่ใช้งบ วันนี้นายปกรณ์วุฒิพูดในสภาฯว่า ตั้งกระทู้สดถามก็ไม่มาตอบ ตั้งกระทู้ทั่วไป ซึ่งรู้ล่วงหน้าก็ไม่มาตอบ วันนี้ตนเห็นพรรคก้าวไกลไม่ต่ำกว่า 4 คน ออกมาบ่นเรื่องนี้ บางคนไปชูป้ายตามหาคนหายเรื่องแบบนี้ไร้สาระสิ้นดี

“ต้องอ่านให้ออกว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลกำลังทำอยู่แบบว่า รู้ตัวเองว่ากำลัง​จะถูกยุบพรรค คนในพรรคจึงไม่ลงชื่อด้วย ญัตติ 151 อภิปรายไม่ไว้วางใจคือ การลงชื่ออย่างน้อยต้องหนึ่งในห้าของ สส.ที่มีอยู่ซึ่ง สส.มี 500 คน หนึ่งในห้าก็คือ 100 คน แปลว่าวันนี้ สส.ที่จะอยู่กับนายชัยธวัชและนายพิธา มีไม่ถึง 100 พูดง่าย ๆ คือ ถ้าถูกยุบพรรค จะมี สส.ตามนายพิธาไปไม่ถึง 100 คน ผมว่ามีไม่ถึง 50 คน ส่วนกระแสว่าที่มีดีลนั้น ไม่จริง อาจจะไม่มีดีลแล้ว คุณทักษิณ ชินวัตร เขาอาจจะเปลี่ยนดีลแล้ว นายชัยธวัชถึงแม้อยากจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใจจะขาด แต่หาคนลงชื่อให้ถึง 100 คนไม่ได้ มันก็เลยเปิดอภิปรายไม่ได้ ที่นายชัยธวัชบอกว่า จะยื่นต้นเดือนเมษายน มันจะมีงบประมาณเข้าสภา และสภาจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 9 เม.ย.ฉะนั้นท่านดูไทม์ไลน์ให้ดี ไม่เช่นนั้นท่านจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่อัปยศที่สุด”นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ กล่าวต่อว่า แต่ต้องเห็นใจ เพราะวันนี้ สส.พรรคก้าวไกล เขารู้ทิศทางลมแล้ว เขารู้ว่าถ้ายุบพรรคเขาควรไปอยู่ที่ไหน เขาควรไปกับใคร เขาควรไปอยู่พรรคอะไร มันก็เลยกลายเป็นว่านายชัยธวัชจะใช้ญัตติ 152 แทนคือลงชื่อหนึ่งใน 10 ก็คือเพียง 50 คน เอาพรรคประขาธิปัตย์ไป 25 คน นายชัยธวัชและนายพิธาเหลืออยู่ 25 คน ไม่ขาดไม่เกิน พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคที่จะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถ้าถูกยุบพรรคไปแล้วนายชัยธวัช และนายพิธา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง คนที่จะตามไปแถว 2-3 ที่บอกว่าเยอะแน่ มีไม่เกิน 50 คน ต้องยอมรับว่า พรรคก้าวไกลไม่มีศักยภาพแล้ว สส.หน้าใหม่ หน้าเก่า ทำงานกันสะเปะสะปะ

“ สส.100 คนของพรรคก้าวไกลไปจับมือกับพรรคไหนเปลี่ยนรัฐบาลแน่นอน ถ้าไปยกมือให้ใครเป็นนายก คนนั้นก็ได้เป็น นั่นคือสมการการเมืองที่ผมพูดว่า จะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเดือนเมษายน - พฤษภาคม เป็นจริงอย่างแน่นอน มันไม่มีบิ๊กดีลอะไรแล้ว แต่ก่อนที่เคยบอกว่า มีดีลลับฮ่องกง เมื่อก่อนเขาคงมีดีลจริง แต่วันนี้ผมว่าคุณทักษิณเขาคงรูัทัน และเขามองว่าสมการการเมืองมันเปลี่ยนแน่”ถ้ายังใช้พรรคก้าวไกลอยู่แบบนี้​ อาจมีการรัฐประหาร​แทน​ ดังนั้น​จึงปล่อยเทพรรคก้าวไกลแบบนี้