วันที่ 24 ก.พ. 2567 นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า กรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางตรากฎหมายนิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์สื่อโดยบอกว่ากรรมาธิการ ไม่ได้มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการทุจริต แต่มาตรา 112 มีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างแต่เห็นด้วยกันในหลักการใหญ่นั้น ตนขอเตือนนายชัยธวัช ว่า อย่าเอาความคิดเห็นตัวเอง มาครอบความเห็นของกรรมาธิการทั้งหมด ว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ เพราะเชื่อว่ากมธ.ส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น เป็นความผิดร้ายแรงกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และที่สำคัญ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยแล้วว่าแต่การขอแก้ไขมาตรานี้ ก็ถือเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น เมื่อผู้กระทำความผิดจับจ้วงละเมิดสถาบัน อยู่ซ้ำๆ หลายคดี ซึ่งมีอัตราโทษหนัก ก็ไม่สมควรที่จะได้รับการนิรโทษกรรม
ทั้งนี้ นายธนกร ย้ำว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่คู่ขัดแย้งทางการเมือง จึงขอเตือนและเรียกร้องให้นายชัยธวัช หยุดดึงสถาบันฯ ลงมาเกี่ยวข้องได้แล้ว เพราะยิ่งจะเป็นการให้ท้ายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว และถ้าได้รับการนิรโทษกรรม จะยิ่งเปิดช่องให้มีการทำผิดมากขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น ถือเป็นการเหยียบย่ำน้ำใจคนไทยทั้งชาติมากขึ้นไปอีก ซึ่งตนเองไม่เห็นด้วยกับการรวมคดีม.112 ให้ได้รับนิรโทษกรรม
“เชื่อว่ากมธ.วิสามัญศึกษาตรากฎหมายนิรโทษกรรมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ที่จะเหมารวมปลดล็อคผู้ต้องหาคดีม.112 ซึ่งผู้ที่เสนอร่างก็ขอให้พึงระวังและคิดให้ดีให้รอบคอบ ไม่สมควรยกโทษหรือนิรโทษฯให้กับผู้ที่จาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบันฯ อันเป็นศูนย์รวมใจคนไทยทั้งชาติ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ทำผิด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สำนึก ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และผู้ใหญ่ก็ควรหยุดให้ท้ายสนับสนุนเสียที ตนมองว่า วันนี้คนไทยได้เห็นเจตนาทางการเมืองของบางพรรคแล้ว และ ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ หากยังดื้อรั้น ดึงดัน ตนขอคัดค้านร่างนิรโทษกรรมนี้จนถึงที่สุด” นายธนกร กล่าว