จับบุหรี่ไฟฟ้าล๊อตใหญ่สุดใจกลางเมืองอุตรดิตถ์   รวบพนักงานหญิงประจำร้าน 1 ราย แจ้ง 3 ข้อหา จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าสินค้าต้องห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ ซ้อนเร้นจำหน่าย สินค้ายังไม่ผ่านศุลกากร พร้อมยึดของกลางกว่า 3,500 ชิ้น มูลค่าเกือบ 8แสนบาท ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี  ส่วนเจ้าของร้านอยู่กรุงเทพ ด้าน จนท.ตร.เตรียมออกหมายเรียกมาสอบสวนพร้อมดำเนินคดี    ผลพวงจากการประชาสัมพันธ์ ด้านการจัดระเบียบสังคมให้ประชาชนรับรู้ พบระบาดหนักในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนจนกลาย เป็นแฟชั่น

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายศิริวัฒน์  บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ สั่งการให้ นายอนวัช สัตตบุศย์ ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะหัวหน้าชุดจัดระเบียบสังคมจังหวัดอุตรดิตถ์ นายนิมิตร เมืองเปีย ป้องกันจังหวัดอุตรดิตถ์ พาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอุตรดิตถ์  ตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์  และสารวัตรนักเรียนจากศึกษาธิการจังหวัดอุตรดิตถ์หรือเสมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมืองอุตรดิตถ์  ได้บูรณาการเข้าร่วมกันตรวจสอบ ร้าน KT Shop ตั้งอยู่ถนนสายเจษฎาบดินทร์เหนือ หรือ  เกาะกลาง ย่านเศรษฐกิจการค้าเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เนื่องจากได้รับร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณถนนเจษฎาบดินทร์ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์   จึงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว หน้าร้านเป็นกระจกทึบทำให้ไม่รู้ว่าร้านนี้จำหน่ายขายอะไรจะรู้กันเพียงแต่กลุ่มผู้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเข้าไปภายในร้านพบว่ามีเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติม หัวน้ำยา น้ำยาบุหรี่ และ อุปกรณ์เสริม หลากหลายชนิดหลายยี่ห้อและหลายกลิ่นรสชาติผลไม้ จัดวางอยู่ภายในตู้กระจกโชว์และชั้นวางของโชว์ที่ติดกับผนัง ทั้งใส่กล่องและไม่ได้ใส่บรรจุลงกล่อง  พบ น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ  24 ปี  เป็นพนักงานประจำร้าน แสดงตนและนำการตรวจค้นภายในร้าน หลังจากที่ชุดจับกุมได้ส่งสายลับมาล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมกับถ่ายธนบัตร ฉบับละ  500 บาท จำนวน 1 ฉบับ ธนบัตร ฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ  ให้สายลับเข้ามาซื้อตัวบุหรี่ไฟฟ้าและ นำยาจำนวน 2 ชิ้น น.ส.เอ ให้การว่า ตนเป็นพนักงานซึ่งได้รับการจ้างมาขายบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่เวลา 09.00 น. และ  จะมีพนักงานมาสับเปลี่ยนอีก 2 คน ซึ่งเจ้าของอยู่ที่กรุงเทพฯ จะให้ตนและพนักงานคนอื่นสับเปลี่ยนมาขายแทน  ร้านเปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 24.00 น.เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ ได้ยึดอายัดบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 3,517 ชิ้น ประกอบด้วย เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 1,017 ชิ้น เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติม 105 เครื่อง เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 55 เครื่อง หัวน้ำยาหรือพอตท์ 1,823 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 405 หลอด อุปกรณ์เสริม 112 ชิ้น มูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้กว่า 700,000 บาท  พร้อมกับแจ้ง 3 ข้อกล่าวหาแก่ “น.ส.เอ” ว่า 1.มีความผิดตามคำสั่งคณะ กรรมการผู้บริโภค 9/2558 ผู้ใดขายหรือให้บริการโดยมีค่าตอบแทน รวมถึงการซื้อมาเพื่อขายต่อต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ  ปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือ   ทั้งจำทั้งปรับ 2.ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 และ 3.ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายช่วยพาเอาไปเสียซื้อรับจำนำ หรือ  รับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้   การจับบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดอุตรดิตถ์ครั้งนี้   ถือเป็นการจับกุมผู้ลักลอบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้มาก และ เป็นล๊อตใหญ่สุดของจังหวัดอุตรดิตถ์   บุหรี่ไฟฟ้ามีระบาดมากสุดในพื้นที่การศึกษา  จนกลายเป็นแฟชั่นในกลุ่มวัยรุ่นแห่ซื้อสูบกันมาก ทั้งสายอาชีพระดับอาชีวศึกษาและ สายสามัญระดับมัธยมศึกษาของจังหวัดอุตรดิตถ์ การกวาดล้างครั้งนี้จับได้เพียง 1 ร้าน จากทั้งหมด 4 ร้านเป้าหมายในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เนื่องจากมีการปล่อยข่าวการจับกุมร้านแรกไปยังร้านอื่น จึงเกิดการไหวตัวรีบปิดร้านหนีทันที

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จ.อุตรดิตถ์ ได้ดำเนินมาตรการจัดระเบียบสังคมอย่างเข้มงวดผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกจับกุม   โดยมีนายอนวัช (อะนะวัช)  ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์   หัวหน้าทีมนำจับกุมร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าที่ห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ   นำมาแถลงข่าวในวันนี้การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นล๊อตใหญ่ ทุกครั้งที่เข้าจับกุมพบเจอเพียง 10-20 ชิ้นเท่านั้น   แต่ครั้งนี้พบมากถึงกว่า 3,500 ชิ้น จากการประชาสัมพันธ์มาตรการจัดระเบียบสังคม   จนสามารถนำไปสู่การจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าล๊อตใหญ่ได้ ตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นแฟชั่นหรือกระแสของกลุ่มวัยรุ่นหันมาหาซื้อสูบกันเป็นจำนวนมาก เด็กกลุ่มนี้อาจจะไม่ทราบถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นการก่อให้เกิดมะเร็ง ภัยของบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมาก มากกว่าบุหรี่ธรรมดา สำหรับเจ้าของร้านหลังจากพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับพนักงานประจำร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องออกหมายเรียกเจ้าของร้านมาสอบปากคำพร้อมดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

ด้าน นายวินัย เกตุมณี (สารวัตรนักเรียน) ตำแหน่งนักวิชาการศึกษาประจำสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ตนดูแลรับผิดชอบนักเรียน-นักศึกษาทั้งจังหวัดของศูนย์เสมารักษ์อุตรดิตถ์ ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุตรดิตถ์ รับผิดชอบนักเรียน-นักศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาตรี   เกี่ยวกับความประพฤติต่าง ๆ  ที่ผิดกฎระเบียบ  ทั้งเรื่องชู้สาว ลักทรัพย์ อาวุธ บุหรี่และสุรา  สถานการณ์บุหรี่ตอนนี้ระบาดมาก   วันก่อนไปตรวจที่บริเวณริมแม่น้ำน่านลานอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 พบนักเรียน-นักศึกษาทั้ง 7 คน สูบบุหรี่ไฟฟ้าพอตท์ 7 อัน ได้ทำการบันทึกประวัติ   พร้อมแจ้งส่งสถานที่ศึกษาของนักเรียน-นักศึกษาเรียนอยู่ เพื่อให้สถานศึกษาลงโทษกับนักเรียน นักศึกษาด้วยวิธีจิตอาสาหรือวิธีอื่น จากนั้นก็ส่งตัวกลับเข้ามายังสถานศึกษา พร้อมเชิญผู้ปกครองมาให้รับทราบถึงพฤติกรรมของลูกหลานตนเอง การทลายแหล่งขายบุหรี่ไฟฟ้า ตนเชื่อว่าจะทำให้นักเรียน นักศึกษาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอีก เกิดความเบาใจว่าลูกหลานจะไม่กลับเข้าไปยุงเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดและเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า จากบุหรี่ไฟฟ้าก็จะไปกัญชาหรือยาเสพติดชนิดอื่น หากมีการทลายแหล่งขาย นักเรียน นักศึกษาก็จะไม่มีแหล่งซื้อและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอีก เพื่อไม่ให้เด็กเป็นภาระของสังคม เงินไม่มีก็ต้องไปลักทรัพย์หรือไปขอหากติดยาแล้ว การปราบแบบนี้คิดว่าดี เด็กของเราจะได้เป็นคนดีของสังคม.