เมื่อเวลา 09.40 วันที่ 21 ก.พ. 2567 ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานประชุมมอบนโยบายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 / 2567 โดยมีกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีเข้าร่วม 23 คน จากทั้งหมด 30 คน โดยนายกฯ กล่าวว่า ขอสวัสดีอย่างเป็นทางการ และแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี บางคนคุ้นหน้ากันอยู่แล้ว บางคนเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก วันนี้เป็นข่าวดีที่ได้มาพบกัน ในโอกาสที่กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลปัจจุบัน และประชุมเป็นครั้งแรก กรรมการผู้ช่วยและมนตรี เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ทักษะความชำนาญ และประสบการณ์ ในงานแขนงต่างๆ มาช่วยกันขับเคลื่อนงานสำคัญในรัฐบาลให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม

นายเศรษฐา กล่าวว่า ยินดีที่จะได้ร่วมงานกับทุกคน ทั้งนี้จากนโยบายของนายกฯและคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อ รัฐสภา ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาวิกฤต ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ รวมทั้งความท้าทายที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งปัญหาหลากหลายเป็นผลพวงมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์และความขัดแย้งระดับภูมิภาค ที่ล้วนแต่ซ้ำเติมให้ให้วิกฤติเศรษฐกิจยืดเยื้อขยายตัวเป็นวงกว้าง รัฐบาลมีนโยบายระยะสั้นที่มุ่งเน้นกระตุ้นการใช้จ่ายจุดเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งเรื่องการสร้างโอกาส การสร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และนำพาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

นายกฯ กล่าวว่า มีความคาดหวังว่าการที่เรามานั่งอยู่ตรงนี้ ทุกคนอยากฟื้นฟูปัญหาที่มีอยู่ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม การเมือง เศรษฐกิจ อยากให้ทุกคนช่วยกันทุ่มเท และประชุมกันอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนอาจมีความคุ้นเคยในสายการเมืองในอดีตที่เคยเจอกันมา แต่ถ้าไม่คุ้นเคยให้นัดทานข้าวกัน เชื่อว่าการที่จะขับเคลื่อนในหลายเรื่อง ไม่ใช่บางคนเป็นข้าราชการมากันต่างพรรค แต่วันนี้เชื่อว่าเราไม่ได้มาในแบบแต่ละพรรค เรามาร่วมรัฐบาลเดียวกัน ขอความกรุณาอย่าบอกว่ามาจากพรรคนั้นพรรคนี้ แต่มาอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน บางคนก็มีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่รุ่นก่อน รู้จักกันกันตั้งแต่สมัยรุ่นคุณพ่อคุณปู่ และอาจจะเคยอยู่พรรคเดียวกันมา อย่ามองว่าแต่ละคนแต่ละพรรค หรือเป็นกรรมการ หรือผู้ช่วยรัฐมนตรี แต่ละกระทรวง ซึ่งแต่ละกระทรวงบางกระทรวงก็มีความเหลื่อมล้ำกันในแง่ขอบเขตงานที่ต้องทำ

“การที่เรามาพบกันอย่างไม่เป็นทางการ หลายเรื่องน่าจะช่วยเหลือกันได้ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอะไรที่ล้ำกับกระทรวงเกษตรอยู่เยอะ หรือกระทรวงพลังงานก็มี ตรงนี้ผมอยากให้มีการพูดคุย ที่จริงแล้วก็อาจเป็นคนละพรรค ตรงนี้อยากให้กำแพงลงหน่อยจะได้พูดคุยกันได้ อยากให้มาพูดคุยกันดีกว่า เพราะเราต้องทำงานอีก 3 ปีครึ่ง เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอที่จะช่วยกันได้ หรือโยกย้ายก็มีการพูดคุยกันได้ จึงอยากฝากไว้ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการประชุมนายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอจากกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและให้คำแนะนำในกรณีที่กรรมการผู้ช่วยและมนตรีแต่ละคนรับเรื่องร้องเรียนมาขอให้ประสานพูดคุยกับเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรีและประสานไปยังหน่วยงานต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป