ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.67) ทางครอบครัวและญาติได้นำศพของ นายวีราพัชร์  อายุ 47 ปี  ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เป็นชาวตำบลโคกว่าน อ.ละหานทราย  จ.บุรีรัมย์  ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดปานใจนาราม  อ.ละหานทราย  หลังจากพบศพผูกคอเสียชีวิต  บนต้นมะขามบริเวณหลังบ้านของตัวเองที่อาศัยอยู่กับแม่วัยชรา  เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 19 ก.พ.67 ที่ผ่านมา   

โดยสาเหตุเนื่องจากเกิดความเครียดสะสม   ภายหลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาย  จ.แม่ฮ่องสอน  แล้วหลอกว่านายวีราพัชร์  ผู้ตายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ต้องทำการโอนย้ายเงินในบัญชีทั้งหมดที่มีไปอีกธนาคาร  แล้วหลอกล่อให้ทำแอปพลิเคชั่นธนาคารในมือถือ   ก่อนจะใช้กลอุบายหลอกดูดเงินในบัญชีที่ผู้ตายเก็บสะสมมาทั้งชีวิตจำนวน 400,000 บาทเพื่อจะเก็บไว้ใช้เลี้ยงดูแม่วัยชราและส่งเสียลูกเรียนหมดเกลี้ยง  

ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย  พบว่ามีข้อความการสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ สภ.ปาย  ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.2566   ในลักษณะหลอกให้โอนย้ายเงินในบัญชีจากธนาคารที่ใช้อยู่ไปอีกธนาคารหนึ่ง  พร้อมหลอกล่อให้ทำแอปธนาคารในมือถือด้วย ทั้งยังมีการส่งข้อความข่มขู่ด้วยว่า  “หากคิดจะหลบหนีหรือบ่ายเบี่ยงจะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปคุมตัว ผมช่วยอะไรไม่ได้”  ทำให้ผู้ตายกลัวและหลงเชื่อทำตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกทุกอย่าง   กระทั่งเวลา 10.48 นาที วันที่ 29 พ.ย.2566  พบมีข้อความแจ้งเตือนว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีจำนวน 400,000 บาท  คงเหลือเงินในบัญชีเพียง 98.64 บาท   พอผู้ตายรู้ตัวว่าหลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนสูญเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหมดเกลี้ยงก็เกิดความเครียดมาตลอดจนสุดท้ายจึงตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต       

สอบถามนางคืน อายุ 76 ปี แม่ของผู้ตาย เล่าว่า ก่อนที่ลูกจะถูกดูดเงินในบัญชีก็เล่าให้ฟังว่า  มีคนโทรมาแนะนำตัวว่าเป็นตำรวจบอกว่าลูกไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย  ต้องทำการตรวจสอบเงินในบัญชีไม่งั้นจะถูกจับ  แต่เวลาที่ลูกรับโทรศัพท์ก็จะไม่คุยให้แม่ได้ยินจะชอบไปคุยบนบ้านคนเดียว    กระทั่งรู้ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกดูดเงินค่อยมาระบายให้แม่ฟัง  แล้วก็เกิดความเครียดมาตลอด   เพราะเงินที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเอาไป  เป็นเงินเก็บสะสมมาทั้งชีวิตทั้งส่วนของแม่และของลูกชายเอง   แต่ตนให้ลูกเป็นคนเก็บไว้ในบัญชีของลูก   ก็ไม่คิดว่าลูกจะหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกดูดเงินจนหมดเกลี้ยง  ก็พยายามปลอบลูกว่าหมดแล้วก็ตั้งใจทำงานหาใหม่แต่ก็ไม่คิดว่าลูกจะเครียดถึงขั้นคิดสั้น  

ดังนั้นจึงอยากฝากถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เอาเงินมาคืน พร้อมวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีตามกฎหมาย  จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับใครอีก