เมื่อวันที่ 20 ก.พ.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า การออกแบบแสดงรูปภาพของทักษิณ ชินวัตร ทั้งในรถและริมสระน้ำ ไม่ได้ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ป่วยจริงเลย แต่ตรงกันข้ามสื่อโซเชียลกลับนำไปเย้ยประชดจับพิรุธเป็นการสร้างภาพลวงหลอกสังคม
นายจตุพร กล่าวว่า รูปภาพทักษิณ ออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ กลับบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อพักโทษ สื่อโซเชียลเชื่อมีพิรุธหลายอย่าง ตั้งแต่การเลือกนั่งเบาะด้านซ้ายในรถ เปิดม่านบังตา ดูเหมือนเป็นการออกแบบให้สื่อมวลชนถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น แล้วเห็นตัวตน สีหน้าท่าทางอิดโรยแสดงถึงการป่วย แต่คนวิพากวิจารณ์ว่า ไม่เหมือนคนป่วยต้องนอน รพ.ตำรวจ มานาน 180 วันเลย
นอกจากนี้ รูปภาพของทักษิณ ยังจงใจสื่อสารอาการป่วย เพราะสวมใส่ปลอกคอ แขนขวามีเฝือกอ่อนพยุงไว้ แต่คนยังสงสัยเป็นโรคอะไรและคนส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตพร้อมสะท้อนอารมณ์ว่า สร้างภาพ และสังคมไม่แคร์กับภาพที่ถูกสร้างมาให้เชื่อมั่นเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามอาการป่วยที่เห็นจากรูปภาพนั้น รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยชี้แจงไปคนละทิศทาง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ บอกเอ็นหัวไหล่เปื่อยฉีกขาด ซึ่งเป็นไปตามวัยคนแก่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แต่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้ความเห็นว่า กระดูกหัก ดังนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทยบอกเล่าอาการป่วยจึงไม่สอดคล้องกัน ยิ่งเพิ่มเติมให้เป็นพิรุธมากขึ้นและคนยิ่งไม่น่าเชื่อไปกันใหญ่
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับรูปภาพที่นั่งริมสระน้ำในบ้านที่เข้าใจว่า ชื่อจันทร์ส่องหล้า ซึ่งไม่ได้พักอาศัยมานาน 17 ปีนั้น ในความจริงเป็นบ้านพักรับรองรั้วสีขาว ส่วนบ้านจันทร์ส่องหล้าหลังจริงอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร เป็นรั้วสีน้ำตาล อย่างไรก็ตาม ทักษิณ ไม่ควรเริ่มต้นด้วยการสื่อสารภาพลักษณ์เต็มตัวนั่งริมสระน้ำออกมา เพราะจะเต็มไปด้วยคำถามมากมายตามมา
สิ่งสำคัญ สื่อโซเชียลนำภาพนั่งริมสระน้ำไปประกอบสร้างเป็นเรื่องจับผิดสารพัด ทั้งราคาเสื้อผ้าสวมใส รองเท้าแตะราคาเป็นหมื่น พร้อมโฟกัสที่หน้าตาดูสดชื่นไม่เหมือนคนป่วย แล้วยังหันหน้าเอียงคอมองสูงซึ่งขัดกับหลักการแพทย์รักษาด้วยการใส่เฝือกอ่อนดามคอไว้
“ดังนั้น ภาพนี้ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้สังคมรู้สึกดีกับทักษิณเลย เพราะตรงกันข้ามกลับกลายเป็นสังคมไม่เชื่อว่าป่วยจริงเมื่อเห็นภาพเต็มตัวชัดเจน แล้วจะถูกนำไปเย้ยประชดประชันให้เสียหายไปอีกเป็นนาน”
พร้อมกล่าวว่า อีกทั้งที่เป็นพิรุธอย่างมาก เมื่อรุ่งขึ้นเวลาเช้าของวันที่ 19 ก.พ. ทักษิณ นั่งวีลแชร์ไปรายงานตัวคดี ม.112 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด และนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ บอกได้พูดคุยด้วยนานครึ่งชั่วโมง ทักษิณไม่มีเสียงพูด ดูสภาพแล้วป่วยจริงขั้นวิกฤต แต่การสันนิฐานจากเสียงพูดจึงไม่น่าแสดงว่า เป็นอาการป่วยวิกฤตเลย
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อทักษิณ กลับบ้านพักโทษ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้ความเห็นโต้แย้งจะมีนายกฯ สองคนว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศต้องมีนายกฯ คนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐา ต้องรู้ด้วยว่า ตัวเองมาคนเดียวเช่นกัน และไม่มีอำนาจใดๆ ในพรรคเพื่อไทยด้วย
สิ่งสำคัญคำพูดนายกฯ คนเดียวจึงเป็นการสื่อถึงนัยยะการเมืองว่า หมายถึงใครในวันที่พักโทษกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วยังเชื่อมโยงไปที่ดีล 22 ส.ค. 66 จะถูกเบี้ยวหรือไม่ด้วย อีกทั้งคำพูดเช่นนี้ทักษิณ เมื่อเป็นนายกฯ เคยพูดคำใหญ่โตถึงผู้มีบารมีนอก รธน.แล้วตามมาด้วยเสียงคำรามว่า นายกฯคนเดียวมาแล้ว
"ถ้าเบี้ยวดีลก็จะเกิดสถานการณ์ใหม่อีกแบบหนึ่ง และไม่เบี้ยวจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นอีกอย่าง โดยจับตาสถานการณ์ตั้งแต่กลางมีนาคมไปถึงเมษายน ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ จะทยอยบรรจบกัน ตั้งแต่ผลศึกษา 30 วันกับการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่ง ครม.จะตัดสินใจอย่างไร ถ้าการกู้เงินไม่ผ่านแล้ว นายกฯต้องแสดงความรับผิดชอบ”
นอกจากนี้ ขณะที่ศาลนัดตัดสินคดียิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันที่ 4 มีนาคมและอาจเลื่อนไปเป็นวันที่ 4 เมษายนก็ได้ ส่วนอัยการนัด 10 เมษายนให้ทักษิณมาฟังคำสั่งคดี ม.112 ดังนั้น ตัวแปรเหล่านี้ล้วนก่อปรากฎการณ์ความยุ่งเหยิงทางการเมืองได้ทั้งสิ้น
พร้อมระบุว่า การนัดวันที่ 10 เมษายนนั้น ถ้าคิดทางนัยยะการเมืองแล้ว เป็นวันชุมนุมของคนเสื้อแดงที่อนุเสาวรีย ปชต. แล้วถูกทหารปราบหนัก จนเสียชีวิตจำนวนมาก กลายเป็นภาพจำเมษาเลือดของคนที่ศรัทธาได้ลุกขึ้นต่อสู้จนตัวตายเพื่อทวงความยุติธรรมให้ทักษิณ
“หากทักษิณไม่ดีลกลับบ้านเมื่อ 22 ส.ค. 66 โดยเดินทางมาเอง พร้อมต่อสู้คดีและถูกจับติดคุก ก็จะเป็นนักต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ คนจะสดุดียกย่อง เมื่อออกจากคุกยังสู้กับพรรคก้าวไกลได้สบาย แต่เมื่อเลือกหนทางไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว วันนี้จึงมีสภาพแทบไม่มีความสุขเลย”
นายจตุพร เชื่อว่า เมื่อทักษิณพักโทษ พักอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งไม่คิดว่าที่นี่จะเป็นฐานบัญชาการทางการเมืองของทักษิณ หากคิดว่าเป็นฐานบัญชาการแล้วจะกระทบรัฐบาล ทำให้เวลาของทำเนียบรัฐบาลยิ่งสั้นลง และสถานการณ์จะเกิดความตรึงเครียด ประกอบกับการชุมนุมหน้าทำเนียบจะใหญ่ขึ้นโดยปริยาย
"ลองจับตาดูตั้งแต่ทักษิณออกจาก รพ.ตำรวจ เมื่อเห็นภาพแล้ว หลายคนพยายามออกมาช่วยชี้แจงและก็ช่วยได้มากเลย ราวกับถึงคราววินาศปัญญาก็วิปริต ทำอะไรก็ผิดพลาดกันไปหมด แม้ 3 คนช่วยพูดก็ยังไม่เหมือนกันเลย" นายจตุพร ประชดการพักโทษของทักษิณ
#ทักษิณ #ประเทศไทยต้องมาก่อน #จตุพรพรหมพันธุ์ #คณะหลอมรวมประชาชน