หนุ่มสาวหนีเกณฑ์ทหารกองทัพพม่าทยอยถึงไทย เผยเดินเท้าเส้นทางยากลำบากข้ามป่าเขาหวังมีชีวิตที่ดีขึ้น เชื่อคลื่นมนุษย์อีกหลายหมื่นมุ่งไทย “กัณวีร์”จี้รัฐหามาตการรับมือด่วน-ปรามส่งกลับหวั่นเข้าทางรัฐบาลทหารพม่า

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ประชาชนวัยหนุ่มสาวจากประเทศพม่าทยอยเดินทางออกนอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นเป้าหมายใหญ่ของการอพยพภายหลังจากที่รัฐบาลทหารพม่าประกาศบังคับใช้กฎหมายการเกณฑ์ทหารโดยชาวพม่าทั้งหญิงชายอายุระหว่าง 18-27 ปีต้องถูกเรียกเข้ารับราชการทหารอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งหลังสงกรานต์จะเริ่มขั้นตอนการเกณฑ์ทหารโดยตั้งเป้าไว้ปีละ 5 หมื่นคนหรือเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 5 พันคน

น.ส.แพวา(นามสมมุติ) หญิงวัย 21 ปี จากภาคพะโค ประเทศพม่า ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยให้สัมภาษณ์ว่า เธออพยพหนีออกจากพม่าหลังการประกาศบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารได้เพียง 2 วัน แม้ว่าตนอายุ 21 ปีและเป็นผู้หญิง แต่อยู่ในหลักเกณฑ์ความต้องการของกองทัพพม่า

“ 2 วันหลังจากมีประกาศออกมา ฉันต้องรีบเร่งเก็บข้าวของและอพยพมายังรัฐที่อยู่ใกล้กับชายแดนไทยโดยความช่วยเหลือของกองกำลังชาติพันธุ์ การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะต้องเดินทางเท้าผ่านถนนรกและเทือกเขาสูง และใช้ระยะเวลานาน ความคิดของฉันตอนนั้นคือกังวลอย่างมากเพราะกลัวว่าจะถูกจับกุมและถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร”น.ส.แพวา กล่าว

 น.ส.แพวากล่าวว่า ชีวิตที่ผ่านมาในพม่ามีความยากลำบากอยู่แล้วและตั้งแต่เกิดและเติบโตมายังไม่ได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองฝัน เหมือนว่าชีวิตวัย 21 ปีจะถูกจบลงด้วยกระสุนปืนของทหาร

“แม้ว่าฉันจะได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังชาติพันธุ์ แต่ฉันก็มีความไว้ใจเขาเพียง 50 % เพราะฉันไม่รู้เลยว่าจะหนีออกมาและเดินทางมาประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ แต่เมื่อมาถึงชายแดนต้องยอมรับเลยว่าฉันรู้สึกโล่งใจและสามารถไว้ใจกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์นี้ได้ ต้องขอขอบคุณพวกเขาอย่างมากที่ช่วยเหลือฉัน เมื่อมาถึงที่ไทยแล้วฉันก็มาขอพักอาศัยกับญาติที่เดินทางมาทำงานที่นี่มาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว สิ่งที่ฉันมองเห็นในอนาคตคือตอนนี้ฉันเหมือนได้ชีวิตใหม่ และแน่นอนว่าฉันต้องหางานทำและเก็บเงินเพื่อรอว่าวันหนึ่งจะสามารถกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดได้”น.ส.แพวา กล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-พม่ากล่าวว่า เฉพาะที่บริเวณชายแดน จ.ตาก เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสามารถจับกุมผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองได้วันละนับร้อยราย และนำมาคุมขังไว้ที่ ตม.ก่อนจะผลักดันกลับ อย่างไรก็ตามที่น่ากังวลคือเมื่อคนหนุ่มสาวเหล่านี้ถูกส่งกลับพม่าเท่ากับส่งให้ทหารพม่านำไปเป็นทหารเกณฑ์ในทันที ดังนั้นคนที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารครั้งนี้จึงต้องพยายามหลบซ่อนให้ดีที่สุด ทำให้ขณะนี้เหล่านายหน้าที่ขนแรงงานต่างด้าวพากันขึ้นค่าหัวสูงลิ่ว และมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐกันอย่างเอิกเกริกตามแนวชายแดนตั้งแต่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปจนถึง จ.ระนอง

“ประชาชนกลุ่มนี้มีหลายหมื่นคน พวกเขาไม่อยากเป็นทหาร ถ้าเขาอยากเป็นเขาก็ไปฝึกกับพวกกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆมากกว่า  แต่ที่เขาหลบหนีเข้าไทยเพราะต้องการทำมาหากิน พวกเขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในสมรภูมิสู้รบ จริงๆแล้วรัฐบาลไทยควรมีทางออกให้พวกเขามากกว่านี้ เช่น การขึ้นทะเบียนพวกเขาและให้เป็นกำลังแรงงานของประเทศ ยิ่งประเทศไทยกำลังเป็นสังคมผู้สูงวัยก็ควรใช้เขาให้เป็นประโยชน์” เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง กล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้ทางการพม่าได้สั่งการกำนันผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่สำรวจรายครัวเรือนว่าบ้านไหนบ้างที่มีสมาชิกในครอบครัวอยู่ในวัยการเกณฑ์ทหาร ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากต่างหลบหนีออกจากบ้านเข้าป่า บางส่วนหนีไปอยู่กับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์และฝ่ายต่อต้าน แต่อีกจำนวนไม่น้อยต่างมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ติดกัน ซึ่งคาดว่าอีกๆไม่กี่สัปดาห์ประชาชนพม่ากลุ่มนี้จะทะลักมายังชายแดนไทยมากขึ้น

ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.พรรคเป็นธรรมกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้คือทางการพม่าหยุดการต่ออายุหนังสืออนุญาตให้กับแรงงานที่เข้ามาประเทศไทยครั้งใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับที่เขากำลังจะเกณฑ์ทหาร อย่างไรก็ตามการบังคับใช้กฏหมายเกณฑ์ทหารครั้งนี้ ไม่ทำตามหลักสิทธิมนุษยชนเพราะบังคับ ดังนั้นรัฐบาลไทยควรมีมาตรการออกมารองรับคนกลุ่มนี้ ที่สำคัญควรชะลอการผลักดันส่งกลับคนกล่านี้ออกไปก่อน เพราะไม่เช่นนั้น พวกเขาต้องถูกบังคับให้ไปเป็นทหารพม่าและเป็นวิธีการที่เข้าล็อครัฐบาลทหารพม่า 

“จริงๆแล้วความต้องการกำลังแรงงานของไทยยังมีอีกกเยอะ เราควรหามาตรการรองรับคนกลุ่มนี้ไว้ด้วย พวกเขาสามารถช่วยเติมเต็มการขาดแรงงานของไทยได้”นายกัณวีร์ กล่าว