วันที่ 19 ก.พ.2567 ที่จ.อุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการไปตรวจเยี่ยมค่ายทหารประจักษ์ศิลปาคม และโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม ที่จ.อุดรธานี จะมีการหารือกระทรวงสาธารณสุขและกองทัพอย่างไรบ้าง ว่า สืบเนื่องจากที่ตนไปเยี่ยมแฟลตตำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงการไปนั่งรับประทานอาหารกับรมว.กลาโหม และผบ.เหล่าทัพ ก็มีตำหนิว่าเราควรจะต้องมาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารชั้นผู้น้อย ก็เลยมาดูว่าบ้านพักเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไหนๆเดินทางมาลงพื้นที่จ.อุดรธานีแล้วก็เลยมาเยี่ยมค่ายทหาร ซึ่งบ้านพักทหารที่จ.อุดรธานี บางที่ก็ 100 กว่าปี บางที่ก็ 60-70 ปี สภาพแย่มากก็จะทำตรงนี้แล้วก็มาดูว่าเราจะสามารถดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยของกำลังพลได้หรือเปล่า
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนก็ได้ไปดูโรงพยาบาลทหาร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลบาลขนาดใหญ่ รองรับผู้ป่วยได้ 200 เตียง โดยรักษาผู้ป่วยที่เป็นประชาชน 70% ทหาร 30% ซึ่งตนไปเยี่ยมดูก็พบว่าเป็นประชาชนที่เข้าไปรักษา ซึ่งมีความแออัดและมีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนไม่มาก โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ ที่เราต้องแยกแยะให้ถูกว่าการรับกำลังทหารเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราต้องทำให้เกิดภาวะสมดุล ป้องกันเรื่องความมั่นคง แต่ว่าหน้าที่เช่นการดูแลเรื่องสาธารณสุขชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน เช่น หมอ พยาบาล เทคนิคทางการแพทย์ เภสัชกร เป็นอาชีพที่ขาดแคลน
โดยได้มีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ไปว่าให้ไปวางแผนเรื่องกำลังพลให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้ ทั้งนี้ 1-2 สัปดาห์ จะมีแผนที่ชัดเจน ซึ่งจะมีเรื่องของการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถพยาบาลที่ออกไปดูแลประชาชน อุปกรณ์ทำต้อกระจก ที่ปั๊มหัวใจ ที่วัดความดัน จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูแลประชาชน
เมื่อถามว่าตอนนี้มีปัญหาการใช้งบประมาณหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องดูให้เหมาะสมก็ค่อยๆ ทำไป ยืนยันว่าถ้าทำได้ก็จะทำให้.