หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์…*…

และแล้ว “การกลับบ้านอย่างเท่ๆ” ก็เกิดขึ้นจริง ไม่อิงนิยาย ไม่โม้ แต่ปรากฏให้เห็นชัดแจ้ง เมื่อเช้าตรู่ เวลา 06.30 น. “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของไทย นั่งรถกลับเข้าบ้านพักส่วนตัว “จันทร์ส่องหล้า” โดยมีลูกๆ ไปรับออกมาจากโรงพยาบาลตำรวจ  ท่ากลางกองทัพสื่อมวลชนทั้งไทยและสำนักข่าวต่างประเทศที่ไปปักหลักกันตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 17ก.พ. เพราะรับรู้กันดีว่า “ทักษิณ” จะได้กลับบ้านในเช้าของวันที่ 18 ก.พ. ตามกำหนดเป๊ะ! …*…

17 ปีที่รอคอย ทั้ง “ครอบครัวชินวัตร” และ “พี่น้องคนเสื้อแดง” ตลอดจน “สมาชิกพรรคเพื่อไทย” สืบจากเจนเนอร์เนชั่นที่ 1ครั้งก่อตั้ง “พรรคไทยรักไทย” มาถึง “พรรคพลังประชาชน” จนมาหยุดที่เจนเนอร์เรชั่นที่ 3 จากนี้ไป “บ้านจันทร์ส่องหล้า” จะสว่างไสว คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เข้าออกไปแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง  “ฝ่ายเชียร์” ย่อมดีใจ แต่ “ฝ่ายต่อต้าน” กลับมองสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ …*…

จนทุกวันนี้ มีใครเชื่อหรือไม่ว่า “ทักษิณ” ในฐานะนักโทษ ได้เคยติดคุก เข้าไปในเรือนจำมาแล้วหรือไม่ “ความยุติธรรม”  นั้นมีราคาแพง สำหรับใครก็ตามที่ไม่มีอำนาจต่อรอง เชื่อว่า สิ่งที่ “เทพไท เสนพงศ์”  อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาฝากเอาไว้ ว่า ดีใจกับ “ทักษิณ” แต่ขอ “ไว้อาลัย” กับกระบวนการยุติธรรมของไทย และเสียใจกับ “นักโทษทุกคน”  …*…

เราจะสร้างอะไรให้กับ “คนรุ่นใหม่” ในเมื่อ “คนรุ่นเก่า”  บางกลุ่มบางฝ่าย ใช้การต่อรองทางการเมือง เพื่อทำลายกระบวนการยุติธรรม ราวกับว่า ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน การกลับมาของ “ทักษิณ” ย่อมหนีไม่พ้น “แรงกระเพื่อม” ในทางการเมือง ไม่ว่าจะบวกหรือลบ  โดยเฉพาะแรงตกกระทบไปยัง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30 จะถูกบดบังรัศมีจากบารมี “นายใหญ่” หรือไม่ ทำอย่างไร ผู้คนจึงเชื่อมั่น ในตัว “ผู้นำรัฐบาล” ที่นั่งทำงานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า มากกว่าที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า”  ทำอย่างไร สส.และรัฐมนตรี ในพรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่ง “พรรคร่วมรัฐบาล” จะไม่นึกภาพเปรียบเทียบ จะว่าไปแล้ว คนที่น่าเห็นใจที่สุดยามนี้ คงไม่พ้น “นายกฯนิด”  ! …*…

ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่ที่ “ทักษิณ” ว่าจะเลือก “เล่นบท” ไหน ? เพราะยิ่งฉายแสงออกมาจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ออกมามากเท่าใด ก็เท่ากับเป็นการ “บีบ” ให้ “เศรษฐา” ต้องลุกจากเก้าอี้ “นายกฯ” เร็วขึ้นฉันนั้น ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนเล็ก พรรษาทางการเมืองยังกล้าแข็งมากพอ ที่จะโดดลงไปเล่น โดยไม่ใช่ “สแตนด์อิน” แสดงแทน ! …*…

ที่มา:พันแสง (19/2/67)