“ภูมิธรรม” ย้ำ นายกฯไทยมีคนเดียว ขออย่าใช้อคติ มีโอกาสจะไปเยี่ยม “ทักษิณ” สวนคนวิจารณ์ป่วยทิพย์ หัดให้กำลังใจตัวเองก็เคยเอ็นไหล่ขาด เพราะอายุเยอะ ถามสังคม อยากให้แก้ยาเสพติดแบบไหน หาจุดสมดุลให้ได้

วันที่ 19 ก.พ.2567  เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยมี 2 คน หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษออกมา ว่า นายกฯมีคนเดียว คนที่พูดแบบนี้เขาย้อนอดีตมากเกินไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณจะมีผลอะไรต่อรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบบยุติธรรมในบ้านเราขณะนี้ยังดำรงอยู่ และพยายามปรับปรุงในสิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรคอยู่ ดังนั้น หากใครจะพูดถึงระบบยุติธรรมก็สามารถพูดได้นานแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าควรมองให้กว้างกันนิดนึง อย่าไปติดอยู่ที่กรณีใดกรณีหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาที่ยังติดหล่มอยู่ จึงอยากให้พิจารณากันให้ถ่องแท้จริงๆ ว่า เรื่องทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่เป็นเรื่องจริง หรือเกิดจากอคติ หรือความรู้สึกบางส่วน 

เมื่อถามถึงกรณีหลายคนระบุว่าจะเข้าไปกราบนายทักษิณ ส่วนตัวจะไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นธรรมดาของคนที่มีความรักความผูกพันกัน ก็อยากไปเยี่ยมเยียน เพราะนายทักษิณจากบ้านไป 17 ปีแล้ว ซึ่งนายทักษิณได้ตัดสินใจออกจากประเทศไทยเพราะกระบวนการยุติธรรม ผิดจากระบบรัฐธรรมนูญ คือ การมีรัฐประหารเกิดขึ้น และมีการตั้งขึ้นมาคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาข้อกล่าวหาต่างๆ ตอนนี้ 17 ปีผ่านมา นายทักษิณอายุมากแล้วก็อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ

โดยขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ เมื่อนายทักษิณกลับไปบ้าน นั่งอยู่ริมสระน้ำ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนจากบ้านไป 17 ปี เมื่อได้มีโอกาสกลับมาบ้านตัวเอง หลังจากที่ถูกอยู่ในสถานที่กักขังมา ฉะนั้น การออกมานั่งสูดอากาศข้างนอกเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับตนก็อยากไปเยี่ยม เพราะนายทักษิณเป็นคนที่เรารักและเคารพ ทำงานด้วยกันมานาน คงต้องปล่อยให้เป็นเวลาของท่านและครอบครัวจากแรงพลังรักของเขา และถ้ามีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมก็จะไป

เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณออกมาทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว บนฐานที่ทำงานเพื่อดูแลเอาใจใส่พี่น้องประชาชน เราทำงานแข่งกับตัวเอง ความเข้มแข็งพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่กับใคร นอกจากใครที่กังวลไม่สบายใจจากความเติบโตและเข้มแข็งของรัฐบาลก็อาจจะกังวลหรือคับข้องหมองใจไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง นายภูมิธรรม ย้อนถามว่า “ไม่ป่วยจริงได้ไง ที่ใส่เฝือกเพราะเส้นเอ็นไหล่ขาด ซึ่งผมก็เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน มันจะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมขาดยุ่ยไปหมดแล้ว ต้องผ่าตัด ต้องรักษาตัว ใส่ปลอกแขนห้อยอยู่ประมาณ 6-7 เดือน เมื่อหายแล้วก็ต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตอยู่สักพักหนึ่ง คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้างเหอะ อย่าไปมองว่าเขาจะสร้างภาพ ถ้าคนวัยสัก 10 ปีแล้วมาห้อยแขนแบบนี้ ใส่ต้นคอ แล้วค่อยบอกว่ามันผิดปกติ แต่คนอายุ 70 ปีทำแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”

เมื่อถามว่า ประชาชนจะได้เห็นนายทักษิณเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในส่วนใดบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และเคยพูดไว้ชัดเจนว่าหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะให้ความเห็นหรือเสนอแนะไป ซึ่งอยู่ที่ใครจะรับฟังหรือเอาไปเป็นประโยชน์ได้ เหมือนกับรัฐบาลนี้ที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ตก็มีความเห็นจากหลายฝ่ายเข้ามา ทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง รัฐบาลก็เงี่ยหูฟังความเห็นที่สะท้อนมา ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเสนอนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องธรรมดา

และตนเห็นว่าในฐานะที่นายทักษิณเป็นคนที่มีประสบการณ์ อย่างน้อยสังคมไทยก็ยอมรับแล้วว่าในยุคสมัยของนายทักษิณสามารถแก้วิกฤติของประเทศได้หลายเรื่อง ทั้งไข้หวัดนก หรือวิกฤติเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ฉะนั้น ถ้าจะมีความเห็นจากนายทักษิณหากประเทศเกิดวิกฤติก็เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนรัฐบาลจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติที่จะไปปรับใช้เอาเอง อย่าไปกังวลใจเรื่องที่จะเสนอความเห็น และอย่าเอาไปผูกกับประเด็นทางการเมืองว่าเข้ามาแล้วจะมาครอบงำ จะมีนายกฯ 2 คน หรือเป็นห่วงว่ามันจะเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเป็นห่วงเลย อย่ากังวลใจ รัฐบาลตั้งใจจะทำงานให้ดี 

เมื่อถามว่า ในอดีตนายทักษิณแก้ปัญหายาเสพติดได้ดี ครั้งนี้ระบาดหนักจะขอความเห็นจากนายทักษิณหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำงานและพยายามแก้ไขอยู่ และได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ต้องดูความเป็นจริงให้มาก เวลานี้ ทั้งนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเองก็ดี ได้สื่อสารชัดเจนแล้วว่าเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดมีหลายทัศนะความเห็น หากเลือกตัดสินใจเด็ดขาดจัดการให้หมดก็จะมีความเห็นว่าผิดหลักสิทธิมนุษยธรรม สร้างปัญหา ทำลายสิทธิเสรีภาพของคน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งในสมัยรัฐบาลของนายทักษิณด้วย แต่ถ้าหากไปฟังส่วนนี้มากก็จะถูกบอกว่าไม่เด็ดขาด รัฐบาลต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม ทำให้มันเด็ดขาด จึงสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้

ขณะเดียวกัน ต้องระมัดระวังสิ่งแทรกซ้อนไม่ให้เกิดขึ้น เพราะในการจัดการยาเสพติด บางทีการจะมีการทำร้ายหรือเข่นฆ่ากัน ไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาลใช้อำนาจในการจัดการอย่างเดียว แต่มีทั้งการใช้อำนาจเพื่อตัดตอนผู้ค้ายาเสพติด และอีกหลายอย่าง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในทางจิตใจเราชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องรีบจัดการ เพราะปัญหากระทบพี่น้องประชาชนอยู่ ในทางการปฏิบัติก็คงต้องระมัดระวังไม่ให้การจัดการที่เข้มงวดเด็ดขาดไปกระเทือนความรู้สึกของคน ว่าเราไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพ

“ท่านลองถามตัวเอง อยากให้จัดการเด็ดขาดหรือไม่ ถามว่าจะจัดการเด็ดขาดแบบไหน และถามว่าที่เขาบอกมาว่าต้องระมัดระวัง เคารพในความเป็นมนุษย์ จะจัดการให้สมดุลอย่างไร อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องหาความสมดุลให้ได้” นายภูมิธรรม กล่าว 

 

 

#ทักษิณ #นายกฯไทย #ภูมิธรรม