"ทักษิณ" สวมเฝือกคอ-แขน ออกจากโรงพยาบาลตำรวจกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว ด้าน"คุณหญิงพจมาน" ร่วมกินข้าวพร้อมครอบครัว "เศรษฐา" ยินดี "อดีตนายกฯ" ได้กลับบ้าน บอกใจถึงใจ แม้ยังไม่ได้เข้าพบ เมินคนมองอำนาจย้ายไปจันทร์ส่องหล้า ลั่นตอนนี้นายกฯชื่อเศรษฐา ขณะที่ "พรรคก้าวไกล" ออกแถลงการณ์อัดรัฐบาล ใช้ระบบอภิสิทธิ์ชนเอื้อ "ทักษิณ"

 จากกรณ๊ที่ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้อนุมัติให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีชื่อใน 930 รายชื่อ ได้รับการพักโทษ ภายหลังเข้ารับโทษเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งครบกำหนดในวันนี้  18 ก.พ.67 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น 


 ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 06.06 น. ของวันที่ 18 ก.พ.67 ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ภษ 1414 โดยนายทักษิณ สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียว พร้อมสวมเฝือกที่คอสีเนื้อ และเฝือกสีดำขวาแขน พร้อมนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีรถยนต์ส่วนตัวและรถตู้คิดตาม ทั้งหมด 4 คัน


 ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เลขที่ 472 ในซอยซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงและเขตบางพลัด กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ได้เข้าบ้านตั้งแต่ช่วงเวลา 06.33 น. ยังคงพักผ่อนภายในบ้านพักไม่มีใครเข้าพบ


 จนกระทั่งเวลา 09:50 น. รถตู้เบนซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 4 ขท 2566 โดยปิดม่านทึบทั้งคัน เป็นรถของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ หรือ คุณหญิงอ้อ ได้ขับเข้าไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ยังเกาะติดทำข่าว ต่อมาเวลา 10.00 น.ได้มีรถยนต์ยี่ห้ออัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน 8 กต 45 เข้าไปในบ้านด้วย


 อย่างไรก็ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า จะมีการนิมนต์พระมาเลี้ยงเพลนั้น ไม่เป็นความจริง แต่น่าจะเป็นการับประทานอาหารภายในครอบครัวกันมากกว่า
 ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ จากการพักโทษ กลับไปอยู่ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีกำหนดการเข้าไปขอคำปรึกษาในการบริหารประเทศอย่างไรหรือไม่ ว่า ยังไม่มีเลย แต่ทราบว่า นายทักษิณ ได้ออกมาเมื่อเช้านี้ ตนคิดว่าในฐานะพ่อ คิดว่ายินดีด้วยเพราะจะได้เจอลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่กันอย่างครอบครัวมานาน นายทักษิณ กลับมาเข้ากระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อย และที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรม เป็นคนเดินเรื่องมาและจบไปแล้ว และก็ได้กลับบ้านแล้วตนเชื่อว่าช่วงเวลานี้ นายทักษิณ คงไม่ได้สนใจ เรื่องการเมืองขนาดนั้น คงอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและรักษาตัวเองต่อไปให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันก็แล้วกัน


 ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเลยครับ ไม่มีเวลาเลย และวันนี้ก็มีงาน 7 หมาย ยังไม่มีครับ แต่เชื่อว่าใจถึงใจอยู่แล้ว ท่านก็รู้ว่าตนส่งความปรารถนาดีและก็ยินดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัวท่าน เราสนิทกันอยู่แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ต้องโทรหรอกครับ แต่ถ้ามีโอกาสก็โทร หากมีประชุมอะไรก็คงเข้าไปแสดงความยินดีด้วย ตนเชื่อว่าเวลาอันมีค่าที่ท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปีคงใช้เวลาอันนี้ให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด


 เมื่อถามว่า มีผู้เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อน โดยมองว่าศูนย์บริหารงานจะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาลไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า ตรงนี้ท่านมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ตนน้อมรับเรื่องความเห็นต่างอยู่แล้ว และเราต้องพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ วันนี้ตนเชื่อว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ก็ได้อยู่ตรงนี้ เราเคยอยู่คนละพรรคและเคยอยู่พรรคเดียวกันมาก็คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่ปัจจัยโดยรวมก็เห็นตรงกันว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะบ้านเมืองในอดีตเราบอบช้ำกันมาเยอะแล้ว 


 นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ จะเป็นเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนหรือหลายๆท่าน ซึ่งถ้าท่านทำได้ โดยหลังได้รับการแต่งตั้ง ตนก็เข้าไปเรียนพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกฯ ขอคำแนะนำและเวลาเจอกันตามงานต่างๆ ก็มีการพบปะพูดคุยกัน ขอคำแนะนำอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าถ้าอดีตนายกฯทักษิณพร้อม และอยากได้คำแนะนำ ตนเชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะรับคำแนะนำจากท่าน แม้แต่นายอนุทิน เองก็เคยทำงานร่วม กันมาก่อน และท่านเองก็รู้ว่ามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและประสบการณ์ที่ท่านได้สะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก และก็เข้ามาสู่กระบวนการกฎหมาย ที่ต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่ามาดราม่ากันเลยดีกว่า ว่ามีนายกกี่คนอะไรอย่างไร รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุแล้วว่ามีนายกฯอยู่คนเดียว และมีคนเดียวก็คือตนนี่แหละครับ


 เมื่อถามว่า การพักโทษของนายทักษิณ มองว่าอาจทำให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป นายเศรษฐากล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป การเมืองก็เปลี่ยนไปทุกๆวัน มันก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยทุกวันอยู่แล้ว แต่ว่าเปลี่ยนไปนี่ตนไม่แน่ใจว่าท่านหมายความว่าดีขึ้นหรือเลวลง แต่ตนมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว คนเรามาอยู่ตรงนี้แล้ว รัฐบาลเองมี 314 เสียง เราเองไปไหนด้วยกันและทำงานร่วมกัน อย่างที่ตนบอกมีบางข้อไม่เห็นตรงกัน แต่เราก็พูดจากันด้วยดีและพยายามซอฟปัญหากันด้วยความตั้งใจจริง ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือนำประเทศไปข้างหน้า


 วันเดียวกัน พรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ ผ่านเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party เรื่อง "จุดยืนพรรคก้าวไกล ต่อกรณีคุณทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ" มีเนื้อหาดังนี้


 แม้รัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ ชินวัตร ตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของคุณทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่


 แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ


 แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่นๆ


 พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน
 ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน 

 

#ทักษิณ #บ้านจันทร์ส่องหล้า