วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ แก้ว หน้าม้า ได้โพสต์คลิปวีดดีโอ พร้อมข้อความใน เพจหนองแคมีดี (รักษ์หนองแค) ข้อความว่า “ขอสอบถามความคิดเห็นพี่พี่ในกลุ่มหน่อยครับพอดี วันและเวลาที่ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภ. หนองแค ผมได้โดนชายฉกรรจ์สามคนอ้างตัวว่าเป็นตำรวจโดยไม่แสดงบัตรหรือเอกสารใดใดที่ทำให้รู้ว่าเป็นตำรวจ ได้สไลด์ปืนขึ้นลำปืนจ่อมาที่หัวบังคับค้นรถได้ค้นรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและค้นตัวเงินที่ตัวได้หายไปก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าชายที่ค้นตัวผมเป็นตำรวจจริงหรือไม่หรือว่าเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งได้แจ้งความไว้แล้วเรียกพยานและสอบพยานแวดล้อมแล้วแต่คดียังไม่คืบหรือมีพี่พี่คนไหนโดนแบบผมบ้างในเขตหนองแครบกวนขอคำแนะนำหน่อยครับผมควรทำยังไงต่อ”


         วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ชื่อนายวีรชาติ หรือแป๊ะ เล่าว่าตนเองมีเรื่องอยากร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่าตนเอง ถูกชายฉกรรจ์ 3 คนบุกเข้ามาใช้ปืนจ่อหัว และขอตรวจค้นภายในรถ เพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่พบ หลังจากตรวจค้นเสร็จเงินในกระเป๋ากางเกงได้หายไป 3,000 บาท จากนั้นตนเองได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองแค เรื่องผ่านมาจน 2 เดือนกว่าแต่คดีไม่คืบหน้า จึงอยากร้องร้องสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ด้วย โดยนายวีรชาติ ได้ลำดับเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ขณะที่ตนเองได้ขับรถกระบะยี่ห้อ โตโยต้า ไฮลัก รีโว่ สีบรอนเงิน หมายเลขทะเบียน 3ฒขxxxx กรุงเทพมหานคร มาจอดอยู่บนถนนภายในซอยสุขาวดี ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อที่จะมาหาเพื่อน และสอบถามหาซื้อถ่านหุง ต้ม เพื่อที่จะนำไปขายต่อ จากนั้นได้มีรถกระบะ รีโว่ 4 ประตูสีดำเข้ามาจอดที่ท้ายรถ โดยมีชายฉกรรจ์ 3 คนลงมาจากรถ และชักปืนออกมาจ่อที่ตนเอง และบังคับให้ลงรถ ซึ่งตนเองก็ตกใจว่าใครมาทำอะไร ตนเองก็สงสัยว่าเป็นตำรวจหรือเปล่า ซึ่งก็ไม่มีการแสดงบัตรอะไรมาให้รู้ โดยพูดบังคับให้ลงจากรถมา ถ้าไม่ลงมาจะยิง โดยชายทั้ง3คนแต่งกายด้วยเสื้อลายสก็อต กางเกงขายาว โชคดีที่มีชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นได้ออกมาบอกว่าไม่ให้ชักปืนออกมา และบอกกล่าวห้ามปราม ซึ่งชายทั้ง 3 คนได้ค้นภายในรถแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายไดๆ จากนั้นได้มาค้นตัวของตนเอง ตนเองจึงได้ถอดกางเกงออกให้ค้น ตรวจสอบเพื่อที่ตนเองจะได้ดูชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกยัดยา และเมื่อตรวจค้นภายในกางเกงเสร็จ ตนเองก็เอากางเกงมาใส่ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบดู และเมื่อตรวจสอบดูพบว่า เงินที่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงได้หายไปจำนวน 3,500 บาทซึ่งเงินในกระเป๋ากางเกงมีอยู่จำนวน 6,500 บาท เหลือเงินอยู่เพียง 3,000 บาท ซึ่งตนเองได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.หนองแค ในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งตนก็พยายามสองภามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองแค ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งตนเองก็เพิ่งมาทราบว่าชายฉกรรจ์ 3 คนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ซึ่งตนเองเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และคดีก็ไม่มีความคืบหน้า โทรไปหาร้อยเวรก็ได้รับคำตอบว่ามีงานเยอะ ตนเองก็ทุกข์ใจเกรงว่าจะถูกกลั่นแกล้งได้

นายวีรชาติ กล่าวเสริมว่า จากเหตุการณ์ในวันนั้นถ้าเกิดปืนลั่นใส่ตนเอง แล้วทำให้ตนเองเสียชีวิต ลูก ของตน 3 คน และเมียของตน การดำรงชีวิตก็น่าจะลำบาก โดยขาดเสาหลักของครอบครัวไป ตนคิดว่าเรื่องนี้ตนเองน่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ออกมาร้องสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ โดยตนเองจะดำเนินการให้ถึงที่สุด โดยจะไม่มีการยอมความไดๆทั้งสิ้น


ทางด้านนายแดง (นามสมมติ) อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองนอนอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายกันหน้าบ้าน จึงได้เดินออกมาดู ก็เห็นว่ามีตำรวจคนผอม หัวหงอกๆ ชักปืนขึ้นมาจ่อหัวนายแป๊ะ ซึ่งระยะห่างกันไม่เกิน 3 เมตร ตนเองจึงได้ตะโกนถามไปว่าเรื่องอะไรกัน ทำไม่มาดึงปืนออกมา ได้รับคำตอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อมีการขอดูบัตรทำไมไม่ให้เขาดู ตนเองก็ถามกลับไปว่าถ้าเป็นเจ้าหน้าที่มาจากไหน ก็ไม่ได้รับคำตอบไดๆ มีแต่พูดว่ามึงยอมนะมึงยอม ของอยู่ไหนๆ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าของอะไร และเมื่อขอดูบัตรว่าเป็นตำรวจจริงไหมก็ไม่ให้ดู ซึ่งตนเองก็ถามไปว่าคุณเป็นตำรวจแล้วคุณมาดึงปืนออกมาได้ไง เอาปืนมาจ่อหัวเขาอยู่ได้อย่างไร ซึ่งมันผิดนะ ตนเองก็พอรู้กฎหมายอยู่ จากนั้นนายแป๊ะก็ยอมให้ค้นรถ ซึ่งตนเองก็บอกว่าจะอยู่เป็นพยานให้ เพื่อความสบายใจ จากนั้นนานแป๊ะก็แก้ผ้าให้ค้นตัว โดยไม่สวมใส่อะไรเลย แต่แล้วเกิดเหตุว่าเงิน ภายในกระเป๋ากางเกงได้หายไป และนายแป๊ะได้มาสอบถามตนเองว่าเห็นเงินร่วงอยู่บ้างไหม ซึ่งตนเองก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเงินหiอก และเมื่อตรวจค้นเสร็จตนเองก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้วนะให้เลิกรากันไป พอจะกลับขึ้นรถก็มาทะเลาะกันอีก ทางชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็ชักปืนขึ้นมาอีก ตนเองก็ต้องผลักขึ้นรถออกไป ซึ่งก็มีชาวบ้านยืนดุกันเป็นจำนวนมาก และไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย ส่วนตัวที่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเนื่องจากว่าถ่ายรูปตนเองติดไปด้วย ซึ่งตนเองมองว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วมาชักปืนจ่อหัวชาวบ้านมันไม่ถูกต้อง

นายแดงกล่าวเสริมว่า ชายคนที่ตัวอ้วนๆ หัวโล้นๆ นั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนเองก็รู้จัก ชื่อว่าจุ๋ม บ้านอยู่โพนทอง หนองตาโล่ เป็นแค่อาสา แต่อยากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าท่ตำรวจจะมาสอบปากคำตนก็พร้อมที่จะเล่าตามที่เห็นมา