วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมทีปังกร รัศมีโชติมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดโครงการทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 166 จังหวัดศรีสะเกษ  โครงการทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 166 เพื่อทำขาเทียมให้คนพิการขาขาดในจังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งเป็นการสนองพระราชปณิธานของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาคุณต่อคนพิการขาขาดที่ยากไร้ เพื่อให้บุคคลที่สูญเสียขาทุกคน ได้พ้นความทุกข์จากการเป็นบุคคลทุพพลภาพ ไม่สามารถเดินได้เหมือนบุคคลปกติ ให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ และสามารถช่วยเหลือครอบครัว สังคม ตลอดจนคนรอบข้างได้ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาการสาธารณสุขในพื้นที่ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ มีคนพิการขาขาดลงทะเบียนเพื่อเข้ารับบริการทำขาเทียม จำนวน 179 คน เป็นคนพิการที่เคยได้รับขาเทียมมาแล้ว จำนวน 163 คน และยังไม่เคยได้รับขาเทียม จำนวน 16 คน ในครั้งนี้ มีคนพิการที่สภาพตอขาไม่พร้อมต่อการทำขาเทียม จำนวน 22 คน ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ให้บริการทำขาเทียมใหม่แก่คนพิการ จำนวน 179 คน มีจำนวนขาเทียมทั้งสิ้น 183 ขา แบ่งเป็น
       - ขาเทียมระดับข้อเท้า 10 ขา 
       - ขาเทียมระดับใต้เข่า 107 ขา  
       - ขาเทียมระดับข้อเข่า 7 ขา 
       - ขาเทียมระดับเหนือเข่า 59  ขา 
    การออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 166 นี้ มีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 4 วัน ระหว่างวันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ 2567 โดยวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นพิธีมอบขาเทียมพระราชทาน โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้ทำการสำรวจข้อมูลและคัดกรองคนพิการที่ต้องการขาเทียมใหม่ ในจังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียงให้กับมูลนิธิขาเทียมฯ เพื่อวางแผนการทำขาเทียมให้กับคนพิการดังกล่าว 

โดยมี นางสาวชนมณัฐ รอดบุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ นายแพทย์พิรุณ คำอุ่น รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ นายแพทย์ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ รองศาสตราจารย์ ดร. เอมอร แสนภูวา ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา หน่วยงานต่างๆของรัฐ ผู้นำชุมชน เครือข่ายภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี