หมายเหตุ : “เทพไท เสนพงศ์”  อดีต สส.นครศรีธรรมราช  พรรคประชาธิปัตย์ "สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์" ทางช่องยูทูป SiamrathOnline ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วิเคราะห์เจาะลึกประเมินทิศทางการเมืองหลังสว.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นอกจากนี้การกลับมาของระบอบทักษิณในรอบ 17 ปี จะส่งผลต่อทิศทาง ทางการเมืองอย่างไร ตลอดจนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะไปต่อได้หรือไม่ และอย่างไร  

-ประเมินทิศทางทางการเมือง หลังสว. 98 คนลงชื่อ เพื่อขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่สว.เหล่านี้เป็นผู้โหวตนายเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นนี้มีสัญญาณที่น่าสนใจหรือไม่

เป็นช่วงปลายสมัยของสว.ที่มาจากการแต่งตั้งชุดนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขาก็ต้องแสดงบทบาทเพื่อทิ้งทวนก่อนหมดวาระ บางคนอาจจะคิดยาวว่าหากหมดวาระแล้วอาจจะได้ตีตั๋วต่อในตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ ซึ่งเราอาจจะเห็นว่ามีสว.หลายคนที่เปลี่ยนบุคลิกไป ออกมาเชียร์รัฐบาลอย่างรู้สึกประหลาดใจว่า เมื่อก่อนอยู่กับคสช.ก็เชียร์คสช.สุดชีวิต แต่เมื่อจะหมดวาระก็กลับมาเชียร์รัฐบาล ซึ่งหลายคนก็คาใจอยู่

คิดว่าการที่สว.เปิดอภิปรายทั่วไปตามม.153 น่าจะเป็นการแสดงบทบาท โชว์ฟอร์มการเป็นสว.ช่วงสมัยกำลังจะหมดวาระเดือนพฤษภาคมนี้ หลายคนอาจจะมองไปถึงเกมต่อรองทางการเมือง หรืออาจจะต้องการอยากโชว์ผลงาน เพื่อให้เข้าตานายใหญ่ ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐบาลก็ได้ ผมไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น ไม่ต้องการตรวจสอบล้มรัฐบาล การอภิปรายทั่วไปเหมือนเป็นพิธีการเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญมีให้ เขาก็สามารถที่จะแสดงบทบาทตามรัฐธรรมนูญได้ และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องกลัวและเกรงอะไร แถมยังเป็นโอกาสที่ดีของรัฐบาลที่จะใช้เวลานี้ชี้แจงผลงาน

เป็นการเปิดเวทีให้รัฐบาลแถลงนโยบาย แถลงผลงาน เพราะไม่มีผลต่อการลงคะแนน ถ้าหากมีผลต่อการลงคะแนนอาจจะวัดกันได้ว่าสส.แต่ละพรรค ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะได้คะแนนไม่เท่ากัน มีความเหลื่อมล้ำ มีการพูดถึงคะแนนนิยมของรัฐมนตรีแต่ละพรรค แต่เป็นกรณีที่มีการลงมติ แต่เมื่อไม่ลงมติก็เหมือนเป็นการอภิปรายทั่วไป เพื่อโชว์ฟอร์มของแต่ละฝ่าย ฝ่ายสว.อภิปรายโชว์โวหารได้มากหรือน้อย ฝ่ายรัฐบาลได้ทำการบ้านตอบคำถามชัดเจนหรือไม่

-ประเด็นที่น่าสนใจ การพักโทษของคุณทักษิณ ชินวัตร  ที่หลายคนเรียกว่า นักโทษเทวดา จะเป็นชนวนทางการเมืองรอบใหม่หรือไม่

คุณทักษิณ ได้รับการพักโทษครบ จะครบวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ จึงต้องพักโทษเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยคุณทักษิณ ก็คงใช้โอกาสนี้พักโทษโดยเร็วที่สุด เขาก็คงไม่อยากอยู่ โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 แม้แต่วินาทีเดียว หากถามว่าถ้าได้ออกมาแล้วจะเป็นชนวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือวิกฤตทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งการเคลื่อนไหวทางท้องถนนคงเป็นไปได้ยาก ประชาชนทั่วไปไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าออกสู่ท้องถนน

แต่ความไม่พอใจของคนยุคนี้ไม่ได้วัดกันที่ท้องถนนแต่วัดกันที่โลกโซเชียล ว่าคิดเห็นกันอย่างไรและเมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็อาจจะมีการออกมา แต่พวกที่ชุมนุมยืดเยื้อ จุดกระแสไปเรื่อย ๆ ยุคนี้คงไม่มีแล้ว แต่ในทางกลับกัน หากคุณทักษิณ ได้ออกมา คุณทักษิณจะเป็นคนที่มีบทบาท และเป็นตัวกำหนดทิศทางการเมือง และเสถียรภาพของรัฐบาลคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าตอนที่คุณทักษิณ อยู่เมืองนอกก็ยังมีบทบาทมากมาย กำหนดเกมการเมืองต่าง ๆ แม้แต่การจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องได้ไฟเขียวมาจากดูไบ

แต่ในตอนนี้คุณทักษิณ กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วและได้รับการพักโทษมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ต่อไปศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองก็จะอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าไม่ใช่ตึกไทยคู่ฟ้า เพราะฉะนั้นที่น่ากลัวที่สุดเมื่อคุณทักษิณ ออกมาแล้ว ก็เหมือนกับ พยัคฆ์ติดปีกและเป็นผู้กำหนดเกมการเมืองทั้งหมดและระบอบทักษิณจะคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นฝ่ายที่ไม่เอาระบอบทักษิณก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมการเคลื่อนไหวต่อสู้กันต่อไป สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นเกมทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

-การกลับมาของระบอบทักษิณ ในรอบ 17 ปี ประเมินว่าน่ากลัวกว่าที่ผ่านมาหรือไม่

ที่น่ากลัวมาก เพราะวันนี้ฝ่ายที่ต่อต้านคุณทักษิณ เกิดความสับสน โดยในตอนนี้มวลชนเกิดความสับสนทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเสื้อเหลืองและฝ่ายเสื้อแดง หากถามว่าทำไมถึงสับสน การสับสนเกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว โดยคุณทักษิณพรรคเพื่อไทย มาจับขั้วกับ 2 ลุง จึงทำให้มวลชนเกิดความสับสน คนที่เชียร์ 2 ลุงแต่ไม่เอาคุณทักษิณ ก็จะวิจารณ์ค่อนข้างยากเพราะเกรงใจพรรคที่เชียร์อยู่ เพราะอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายที่เชียร์คุณทักษิณ พวกเสื้อแดงจะโจมตี 2 ลุง ก็เกิดความเกรงใจเพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

และในขณะเดียวกันจะไปเชียร์ฝ่ายค้าน ก็ไม่สามารถเชียร์ได้เต็มที่เพราะฝ่ายค้านคือพรรคก้าวไกล พวกแฟนคลับของประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือฝ่ายอนุรักษ์ก็ไม่เอาก้าวไกลอยู่แล้ว หากดูทิศทางการเมืองก็เกิดความสับสนกันทั้งหมด รวมถึงฝ่ายค้านเองก็สับสน และยังไม่ทราบบทบาทของตนเอง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในอดีตแล้วเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพ มีนักอภิปรายและนักตรวจสอบเยอะ แต่ในยุคนี้สส.ทั้ง 25 คน เป็นคนยุคใหม่ 20 คน ไม่มีประสบการณ์ในการตรวจสอบ และอภิปรายไม่เก่ง เพราะฉะนั้นการตรวจสอบค่อนข้างยาก และท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนก็ไม่รู้ว่าค้านจริงหรือไม่

แต่ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็มีท่าทีร่วมรัฐบาล โดยมีการยกมือให้คุณเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี และเดินทางไปพบคุณทักษิณที่ฮ่องกง แต่วันนี้กลับมาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเหมือนว่าไม่เต็มใจ อยากจะร่วมรัฐบาลแต่เหมือนตกรถ ขบวนเต็มแล้ว เพราะฉะนั้นหากเป็นฝ่ายค้านก็ต้องยอมเป็น

ในขณะเดียวกันฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ก็ต้องยอมรับว่า พวกเขาอยากจับมือกับพรรคเพื่อไทย เป็นขั้วเดียวกันเพื่อเป็นรัฐบาลต่อ แต่เงื่อนไขทางการเมือง เห็นได้ชัดว่าถูกกีดกันออกไจากเงื่อนไขพรรคร่วมรัฐบาล จากกลุ่มอำนาจนิยม โดยมีโจทย์มาว่าต้องไม่มีก้าวไกล ซึ่งในตอนแรกบอกว่าไม่เอาม.112 เมื่อไม่เอาม.112 ก็กลัวว่าจะลดเพดานลง จึงตัดสินใจว่าไม่เอาก้าวไกลเข้าร่วมดีกว่า ตัดสมการก้าวไกลออกให้เป็นฝ่ายค้าน

ซึ่งวันนี้ก้าวไกลก็ยังฝันอยู่ว่า หลังจากสว. หมดอำนาจแล้ว การเมืองอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ก้าวไกลก็จะกลับมาจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อเป็นรัฐบาลได้ เพราะฉะนั้นการเป็นฝ่ายค้านในวันนี้ เหมือนเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย ชกไม่เต็มหมัด

-วันนี้ก้าวไกลก็ยังมีชนักติดหลังเรื่องการล้มล้างการปกครอง เรื่องม.112 หลายคนมองว่าพรรคก้าวไกลจะเดินต่ออย่างไรหากมีการถูกยุบ

หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ แน่นอนว่าแบรนด์ของเขาต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่จิตวิญญาณของเขายังคงอยู่ ผมเชื่อว่าแนวความคิดของก้าวไกลมันฝังอยู่ในจิตใจของคนรุ่นใหม่ จะเปลี่ยนชื่ออะไรอีกกี่ครั้ง แนวความคิดเหล่านั้นก็ไม่หายไป เพราะฉะนั้นอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะในนามพรรคอะไร ชื่ออะไร หากยังยึดในแนวทางนี้คิดว่าเขายังไปได้อยู่ เขามีปัญหาเรื่องม.112 ถ้าเขาไปวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ดีว่าม. 112 สามารถแก้ได้แต่ต้องแก้ในสภา ไม่ใช่เป็นการรณรงค์หาเสียง

โดยพรรคก้าวไกลยังมีความคิดที่จะปรับปรุง แก้ไขม.112 แต่ไม่เอาประเด็นนี้มาหาเสียง เพราะฉะนั้นวันข้างหน้าถ้ายุบก้าวไกลไปแล้ว โดยแถว 1 และ แถว 2 เสียไปแล้ว ก็อาจจะมีแถว 3 ขึ้นมาอีกครั้ง ผมเชื่อว่ายังมีคนมีบทบาทโดดเด่นในแถว 3 ซึ่งคนที่เลือกก้าวไกลเขาไม่ได้เลือกเพราะคนนั้น คนนี้ เพราะคนที่เข้ามาเป็นสส. 150 คน ผมก็เห็นว่าไม่มีใครเป็นที่รู้จัก แต่เขาเลือกเพราะผู้สมัครเป็นสส.จากพรรคก้าวไกล เขาเลือกเพราะพรรค จึงทำให้พรรคก้าวไกลได้คะแนน popular vote ได้ที่ 1 ทั้งประเทศ

แม้กระทั่งภาคใต้พรรคก้าวไกลยังเป็นที่หนึ่ง ทั้งที่เขาเอาลุงตู่ ประชาธิปัตย์ เป็นส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้เขาเลือกก้าวไกลเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ ซึ่งมหัศจรรย์มาก เป็นคำตอบให้เห็นว่า แม้วันข้างหน้าพรรคก้าวไกลจะยุบอีกกี่ครั้ง เขาก็ยังยืนอยู่ได้ หากเขายังมีมวลชนและขายอุดมการณ์เช่นนี้ และมวลชนก็ยอมรับกับอุดมการณ์ของเขา

-การเติบโตของพรรคก้าวไกลจะเป็นปัญหาใหญ่ของพรรคเพื่อไทยตามมาหรือไม่

พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเขาอยู่ในฐานเสียงเดียวกัน ก่อนเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะเป็นต่อพรรคก้าวไกลด้วยซ้ำ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ชัดในจุดยืน โดยเฉพาะ การร่วมรัฐบาลจับมือกับ 2 ลุง เขาประกาศตอนใกล้เลือกตั้งว่าไม่จับกับ 2 ลุง แต่ก้าวไกลเขาชัดเจนว่าไม่เอา 2 ลุง อย่างแน่นอน และเมื่อคนเชื่อมั่นเพราะก้าวไกลมีความชัดเจนมากกว่า มวลชนก็เทคะแนนให้ก้าวไกลจึงมาเป็นที่ 1 เมื่อหลังเลือกตั้งปรากฏชัดว่าสิ่งที่หลายคนสงสัยก็ได้เกิดขึ้นจริงว่าเพื่อไทยจับมือกับ 2 ลุงจริงง ๆ หลายคนมีความรู้สึกว่าเป็นการตระบัดสัตย์ การหักหลังมวลชนของพรรคเพื่อไทย ในวันข้างหน้าจะเป็นการสู้ของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล แต่พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนจากกลุ่มคนก้าวหน้าหรือเสรีนิยม อาจจะน้อยลง เพราะเขาชัดเจนว่าเขาจับมือกับกลุ่มอนุรักษนิยม เพราะฉะนั้นเพื่อไทยจะเป็นพรรคอนุรักษนิยมใหม่ โดยมวลชนที่เขาจะได้คือมวลชนที่ติดตาม ชื่นชอบและศรัทธาคุณทักษิณ ก็จะอยู่กับพรรคเพื่อไทย และจะจับมือกับกลุ่มอนุรักษนิยม

แต่ในขณะเดียวกันพรรคก้าวไกลก็มีมวลชนของเขาที่ชัดเจน และจะมีมวลชนกลุ่มหนึ่งไปสนับสนุนเขาด้วย คือมวลชนที่ผิดหวังกับกลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นคนชั้นกลาง คนรุ่นใหม่ที่เคยเลือกอนุรักษ์นิยม แต่เมื่อเห็นว่าพรรคอนุรักษนิยมไม่ชัดเจน เขาอาจจะไปเลือกพรรคก้าวไกล ผมวัดความนิยมจากการบริจาคให้กับพรรคการเมืองผ่านกรมสรรพากรว่า พรรคก้าวไกลได้เงินบริจาคสูงสุด 3 ปีติดต่อกันโดยเป็นอันดับ 1 ซึ่งเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีพรรคก้าวไกลหรือพรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ได้ตำแหน่งแชมป์มาโดยตลอด

เมื่อวันนี้ชนชั้นกลางมีความรู้สึกว่าคาดหวังกับพรรคก้าวไกลมากที่สุด คนเหล่านี้ซึ่งเป็นผู้เสียภาษี จึงบริจาคภาษีให้กับพรรคก้าวไกล สรุปได้เลยว่า คนชั้นกลาง คนมีฐานะ ผู้เสียภาษี จะเชียร์ก้าวไกล วันข้างหน้าก้าวไกลจะได้เปรียบพรรคเพื่อไทย เว้นแต่ว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าตอนนี้ที่เป็นรัฐบาลจะสร้างผลงานกอบกู้ ลบรอยด่าง บาดแผลที่ตระบัดสัตย์ ที่หักหลังประชาชน จนประชาชนลืม ซึ่งเขาอาจจะวิเคราะห์ว่าคนไทยลืมง่าย ก็กลับมาสร้างผลงานเอาอำนาจรัฐมาอยู่ในมือให้ได้ดีกว่า เมื่อถึงวันนั้นพรรคเพื่อไทยก็อาจจะฟื้นขึ้นได้

-ผลงานที่พรรคเพื่อไทยกำลังจะสร้าง อย่างนโยบายเรือธง โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินหมื่น กำลังสะดุด

พรรคเพื่อไทยอยู่ในสภาพที่เรียกว่าลิงแก้แห วุ่นไปหมดและไม่รู้ว่าจะออกช่องไหน จะทำต่อก็โดนท้วงติงจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และรัฐมนตรีออกมาโจมตีว่าป.ป.ช.จับผิด ซึ่งยังไม่ได้ทำแต่ทำไมป.ป.ช.ถึงจับผิดและจับโกงแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องชี้แจงว่าเป็นบทบาทของป.ป.ช. ถึงแม้ว่าโครงการจะยังไม่เกิดขึ้นแต่เขาป้องกันไว้ก่อนคือบทบาทของเขา เมื่อเขาท้วงติงมา ว่ามีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง หากคุณจะทำต่อก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อทำไปแล้วพลาดคุณก็ต้องโดนเล่นงาน

เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยก็ชะงักว่าจะเอาอย่างไร แต่สมมติว่าไม่ทำแต่ตนเองประกาศหาเสียงไปแล้วก็จะมีนักร้องไปร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ดำเนินการว่า คนเหล่านี้หาเสียงแล้วไม่ทำ และหากทำโดยการกู้เงิน เขาก็ผิดเงื่อนไขที่ให้ไว้กับกกต. เพราะกกต.ถามว่าเงินมาจากไหนก็บอกว่าจะไม่กู้แต่จะมาจากงบประมาณ แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ตรงปก คุณไปกู้มา ตอนนี้ คิดว่ามันเป็นกับดักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งออกทางไหนก็โดนหมด เพียงแต่ว่าโดนทางไหนจะเจ็บตัวน้อยที่สุด

-ปรับครม.ช่วยได้หรือไม่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

คิดว่าครม.ยังไม่มีปัญหาอะไรยังไปได้อยู่ ถ้าจะปรับสมมติว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปไม่ได้ มีปัญหาจริง ๆ และพรรคเพื่อไทยเสียหาย เมื่อถึงเวลานั้น หากให้ผมประเมินคิดว่าคุณเศรษฐา อาจจะต้องเป็นบุคคลเสียสละ ต้องถูกสังเวยเรื่องนี้ เพราะดิจิทัลวอลเล็ต คุณเศรษฐา เป็นคนพูด เป็นนโยบายของเขา พูดโดยไม่ได้เตรียมการว่าจะทำอะไร พูดไปก่อนเป็นการหาเสียง เหมือนการเล่นฟุตบอลคือเตะลูกโด่งไปข้างหน้าก่อนจึงวิ่งตามลูก เรื่องนี้ก็เหมือนกัน นโยบายนี้พูดไปก่อนว่าจะแจกเงินหมื่นโดยไม่เตรียมการ ไม่ได้คิดรายละเอียด โดยเรียกว่าพูดไปก่อน พูดอย่างไม่คิด

เพราะฉะนั้นหากนโยบายนี้ล้มเหลว พรรคเพื่อไทยก็ต้องโยนบาปให้คุณเศรษฐา รับผิดชอบ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ไม่เสียหาย หากเสียคุณเศรษฐา ไป เขาก็มีตัวสำรองนายกฯ แคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คนรออยู่ ซึ่งก็อาจจะเป็นโอกาสของคุณอุ๊งอิ๊งได้ เมื่อคุณเศรษฐา ยอมรับสภาพรับผิดต่อนโยบายที่ตนเองพูด แน่นอนว่าลูกนายห้างก็ต้องขึ้นมาแทน เพราะพรรคเพื่อไทยเหมือนบริษัทอยู่แล้ว ลูกของประธานบริษัทก็ต้องขึ้นมารับผิดชอบแทน คุณอุ๊งอิ๊ง มาเป็นนายก

-หลังจากนี้รอลุ้นว่าบ้านจันทร์ส่องหล้าจะฉายแสงอย่างเป็นทางการให้เห็นเมื่อไร

บ้านจันทร์ส่องหล้าจะเป็นศูนย์อำนาจที่แท้จริง ถนนทุกสายก็จะเข้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า จะกำหนดชะตาชีวิตทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ คุณเศรษฐา เป็นแค่รับจ้างขับรถ มือใหม่หัดขับ สส.ในมือไม่มีแม้แต่คนเดียว เจ้าของรถให้ขับก็ขับแต่เมื่อถึงเวลาไล่ลงกลางทางก็ต้องลง ซึ่งเป็นสัจธรรมทางการเมือง ผมก็ไม่ได้จะว่าอะไรเขา แต่มองให้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหลังจากคุณทักษิณ ได้รับการพักโทษแล้ว