เมื่อวันที่ 17 ก.พ.67 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค" ระบุข้อความว่า ...
อย่าหลงดีใจที่สู้กับทานตะวัน พิธา ก้าวไกลได้
เพราะพวกนี้เป็นเพียง“เบี้ย” ในขณะที่“ขุน”ยังอยู่
จากรุ้ง-แพนกวิน มาเป็นแบน-ตะวัน
จากธนาธน มาเป็นพิธา
จากอนาคตใหม่ มาเป็นก้าวไกล
หากก้าวไกลถูกยุบ
ขบวนการล้มล้างการปกครองก็ยังไม่หมดไป
กวาดเบี้ยหมดกระดานก็ไม่มีวันชนะ
จะชนะได้ ต้องกินขุน
ผู้นำเป็นสิ่งสำคัญ
บางสมัย เราต้องการผู้นำที่เป็นนักรบ
บางสมัย เราต้องการผู้นำที่เป็นนักเศรษฐกิจ
ตอนสร้างกรุงเทพ เราต้องการผู้นำอย่างรัชกาลที่ 1 ที่เป็นสุดยอดนักรบ
ผ่านไปเป็นร้อยปีในสมัยรัชกาลที่ 5 ถ้าพระองค์ท่านเป็นสุดยอดยอดนักรบ เราคงเสียเอกราชไปแล้ว
เรารอดจากการเป็นอาณานิคมมาได้เพราะรัชกาลที่ 5 เป็นผู้นำที่เป็นนักการทูตชั้นเอกอุ
ผ่านมาอีกเป็นร้อยปี สมัยนี้เราต้องการผู้นำที่นักการทูตชั้นเอกอุอีกครั้ง ที่จะสามารถตกลงผลประโยชน์ทางการเมืองกับชาติมหาอำนาจได้
เพราะปัญหาทางการเมืองของไทยในปัจจุบัน มีพรรคก้าวไกลและเครือข่ายเป็นตัวแสดงนำหน้าเวที แต่ผู้ที่กำหนดทุกอย่างอยู่หลังเวทีคือกลุ่มประเทศมหาอำนาจ
ด้วยความที่ภูมิรัฐศาสตร์ของไทยเราที่เป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่สุดในภูมิภาค
ปัญหาการเมืองในประเทศจะจบได้ ถ้าเรามีผู้นำที่มีความสามารถในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ที่สามารถเจรจาและประสานผลประโยชน์ให้ลงตัว
ทักษิณลี้ภัยอยู่ต่างประเทศนานนับสิบปียังกลับมาได้ ก็เพราะผลประโยชน์ทางการเมืองที่ลงตัว ปัญหาการเมืองในประเทศในปัจจุบันก็เช่นกัน จะจบลงทันทีถ้าเราสามารถประสานผลประโยชน์กับผู้เล่นตัวจริงที่เป็นประเทศมหาอำนาจของโลกประเทศนั้น
อย่ามัวแต่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน แต่ต้องตามไปให้ถึงขุนอินทรีย์
อัษฎางค์ ยมนาค