จากกรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย/ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พาผู้เสียหายนายเล็ก (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี และนายบาส (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน หลังอ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปราม บุกเข้าค้นบ้านโดยไม่มีหมายค้น หลังค้นเสร็จไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงพาตัวผู้เสียหายขึ้นรถไปขับวน จากนั้นยาเสพติดขึ้นมาวางบนตัก ก่อนบังคับให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้ 100,000 บาท โดยขู่ว่าหากไม่นำเงินมามอบให้ยาเสพติดที่อยู่บนตักจะตกเป็นของผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน ชายฉกรรจ์จึงพาผู้เสียหายขับรถวนไปตามถนนรามอินทรา - คู้บอน บังคับให้ผู้เสียหายติดต่อขอเงินจากญาติมาไถ่ตัว ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง เห็นว่าผู้เสียกายไม่มีเงินให้ จึงค้นตัวผู้เสียหายพบเงินประมาณ 5,200 บาท จึงปล้นเอาไป 5,000 บาท คืนให้ผู้เสียหายมา 200 บาท ก่อนเอาผู้เสียหายไปปล่อยทิ้งที่ ถ.รามอินทรา 46 เหตุเกิด 8 ก.พ. 67 เวลา 17.30 น. พื้นที่ สน.สายไหม 

     ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 ก.พ. 67 ที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รองผกก.สส.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ต.พงศ์นเรศ ศิริเสถียร สว.สส.สภ.บางศรีเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้จับกุมตัวนายวีรยุทธ (สงวนนามสกุล)อายุ 49 ปี ที่อยู่บ้าน ม.7 ต.วัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในพื้นสน.สายไหม และสภ.บางศรีเมือง ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 589/2566 ลงวันที่ 15 ส.ค. 66 ในข้อหา ร่วมกัน กรรโชกทรัพย์ , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จับกุมตัวได้ที่ภายในสน.สายไหม กทม. หลังนายวีรยุทรเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหมและข้อยืนหลักทรัพย์ขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางศรีเมืองจึงเดินทางไปอายัดตัวมาดำเนินคดี

     สืบเนื่องจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพวันที่ 10 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 05.30 น. บันทึกภาพพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ได้ขับขี่มาภายในหมู่บ้านจิราวดี ม.1 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยขับวนเวียนอยู่ภายในหมู่บ้านก่อนจะจอดรถอยู่บริเวณใกล้เคียงปากซอยบ้านผู้เสียหายตอนเวลา 05.53 น. ต่อมาเวลา 06.30 น. ผู้เสียหายได้ขับรถกระบะสีดำเข้ามาในหมู่บ้านของตัวเองได้มีรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ สีดำ ทะเบียน กทม. ขับตามมาจนกระทั่งถึงหน้าบ้าน หลังจากผู้เสียหายจอดรถอยู่หน้าบ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน ได้ลงจากรถเก๋งสีขาว 2 คน และลงจากรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ สีดำ 2 คน เหลือคนขับไว้ 1 คน รวมทั้งหมด 5 คน โดยชายฉกรรจ์กลุ่มนี้แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินไปค้นรถผู้เสียหายโดยอ้างว่า พบยาบ้า 36 เม็ด ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หลังจากนั้นได้ควบคุมตัวผู้เสียหายขึ้นรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ สีดำ แล้วขับออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปทางท่าน้ำบางศรีเมือง ซึ่งระหว่างทางมีการเจรจาต่อรองเรียกเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อจะไม่ดำเนินคดี  ทางผู้เสียหายรู้สึกสึกกลัวจึงตอบตกลงแล้วจะมอบเงินให้ในวันเกิดเหตุ 15.00 น. ทางกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 5 จึงพาผู้เสียหายกลับมาส่งที่บ้าน ก่อนขับกลับออกไป

     พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกิดมาเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 66 ความน่าสนใจของคดีเนื่องจากมีบุคคลอ้างตัวเป็นตำรวจ และจับกุมคดียาเสพติด เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ในส่วนของสภ. บางศรีเมือง เมื่อเกิดเหตุสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและตามจับกุมผู้ต้องหาในกลุ่มได้ทันที 1 คน ซึ่งเราสืบทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 5 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างออกหมายจับ ระหว่างนั้นกลุ่มที่เหลือได้ไปก่อเหตุในพื้นที่ของ สน.สายไหม ในลักษณะเดียวกัน ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม 2 คน ฝากขังไปแล้ว 1 คน ส่วนอีก 1 คนอยู่ระหว่างทำการสอบสวนและฝากขังต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุม ความผิดในเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา 3 ข้อหาหลักๆคือ 1.ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 2.ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง อยากประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนรับทราบ คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเคยก่อเหตุในหลายพื้นที่ หากพี่น้องประชาชนท่านใดที่เคยถูกก่อเหตุในลักษณะนี้ก็สามารถที่จะมาประสานงานได้ที่สภ.บางศรีเมือง เพื่อที่จะมาดูลักษณะรูปพรรณสัณฐานของคนทำความผิด เพื่อที่จะได้ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งตรวจสอบแล้วทั้งหมดไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากประชาชนเจอลักษณะแบบนี้และไม่มั่นใจสามารถแจ้งมายังที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือมีการถูกจับกุมก็ขอให้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อจะได้มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง 

     เบื้องต้นนายวีรยุทธ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในทุกข้อหา โดยขอไปให้การในชั้นศาล เพราะคดีนี้เป็นคดีละเอียดอ่อนอาจมีผลในทางคดีกับตน