SET ปิดช่วงเช้าวันนี้(14 ก.พ.)ที่ 1,384.06 จุด ลดลง 7.67 จุด (-0.55%) มูลค่าซื้อขายราว 20,677 ล้านบาท การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีปรับตัวลง ทำระดับต่ำสุด 1,378.76 จุด และสูงสุด 1,386.05 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย หลังจากเมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐติดลบตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) เดือนม.ค.ออกมาที่3.1% สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 2.9% ทำให้การประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่าจะขยับช้าออกไปเป็นเดือนมิ.ย.ทำให้ดอกเบี้ยยังสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้อัตรผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็แข็งค่าขึ้นกดดันตลาดหุ้น ขณะที่ตลาดบ้านเรายังเผชิญแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ หลัง KCE แจ้งผลประกอบการปี 66 ออกมาต่ำกว่าคาด ฉุดหุ้นใหญ่ในกลุ่มอย่าง DELTA และ HANA ลงไปตามกัน รวมถึงหุ้นเทคโนโลยียังปรับลงตามดัชนี NASDAQ ของสหรัฐ จากแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐสูงเช่นเดียวกัน

โดยแนวโน้มในช่วงบ่ายคาดวตลาดยังแกว่งตัวในแดนลบต่อไป แต่มีโอกาสลดช่วงลบลง หลังตลาดรับรู้ปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐไปแล้ว และยังรอติดตามความคืบหน้าโครงการ Digital wallet ในการประชุมบอร์ดวันพรุ่งนี้

ให้แนวต้าน 1,395 จุด และ แนวรับ 1,380 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 987.61 ล้านบาท ปิดที่ 153.00 บาท ลดลง 10.50 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 867.74 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

JMT มูลค่าการซื้อขาย 752.23 ล้านบาท ปิดที่ 24.80 บาท ลดลง 0.10 บาท

KCE มูลค่าการซื้อขาย 747.71 ล้านบาท ปิดที่ 41.75 บาท ลดลง 3.25 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 680.35 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง  

 

#SET #เงินเฟ้อ #เฟด