วันที่ 14 ก.พ.2567 ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 13 ก.พ.มีการจับกุมกลุ่มทะลุวัง ว่า เมื่อวานนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้กล่าวในประชุมว่าเหตุการณ์ก่อกวนขบวนเสด็จไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ก็มีการดำเนินการที่ล่าช้า ก็อาจจะทำให้มีปัญหาลุกลาม และมีการปะทะกันกับคนเห็นต่าง
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง รวดเร็วและรัดกุม รวมถึงรอบคอบ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พรรค รทสช.เป็นห่วง โดยจะมีการเสนอมาตรการนี้ในการอภิปรายด้วย โดยตนจะเป็นผู้อภิปรายปิด ก็จะมีการรวบรวมมาตรการนี้เสนอในที่ประชุม และส่งให้รัฐบาลรับไปดำเนินการ
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะบานปลาย หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมล่าช้า นายอัครเดชกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องพิจารณาทบทวนในการดำเนินการในกรณีแบบนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ตนคิดว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างรวดเร็ว ปัญหาจะไม่บานปลายเพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลักนิติรัฐ ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการ ต้องดำเนินการโดยไม่เกรงใจใคร หากทำแบบนี้ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับและความสงบจะเกิดขึ้น
นายอัครเดช กล่าวด้วยว่า ส่วนที่กลุ่มทะลุวังระบุว่าไม่มีคนหนุนหลังนั้น ตนคิดว่าในโลกปัจจุบันนี้เป็นยุคโซเชียล พี่น้องประชาชนรับรู้ได้และตัดสินใจได้ ว่าใครอยู่ในกระบวนการดังกล่าว ตนคิดว่าพี่น้องประชาชนที่ติดตาม ก็ติดตามตั้งแต่กระบวนการประกันตัว การอภิปรายในสภาฯ การสัมภาษณ์สื่อรวมถึงการไปมาหาสู่กัน ตนคิดว่าพี่น้องประชาชนมีดุลพินิจดูว่ากระบวนการดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วทำให้ผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้มีการกระทำผิดซ้ำซาก และมีหลายครั้งทั้งมาตรา 112 ก็ดี มาตรา 116 ก็ดี หรือกฎหมายฉบับอื่น ตนคิดว่าประชาชนใช้ดุลยพินิจได้
เมื่อถามว่า วุฒิสภาก็มีแนวคิดจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายถวายอารักษา เพิ่มโทษเข้าไปในกฎหมายฉบับนี้ด้วย ทางฝั่ง สส.จะมีการเสนอด้วยหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า จะต้องรอฟังการอภิปรายในวันนี้ก่อนมีการรวบรวมความเสนอและเสนอเข้าที่ประชุมวิปรัฐบาล หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย ก็อาจจะมีการพูดคุยและประสานการทำงาน มีการตั้งคณะทำงานร่วมกับ สว.เพื่อแก้ไขกฎหมายดังกล่าว