วันที่ 13 ก.พ.67 ที่ สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ท จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.อ.วิโรน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พร้อมชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายปรีชา หรือไผ่ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ จ.127/2567 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ในข้อหา พยายามฆ่า พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ จังหวัดอุดรธานี

สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกาย (ถูกยิง) มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณปากซอยแบริ่ง 33/10 หมู่ที่ 9 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบ ผู้บาดเจ็บ ชื่อ นายราม ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าบริเวณใต้รักแร้ขวา และ แขนขวา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน และ รวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายปรีชา หรือไผ่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ

ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า นายปรีชา หรือไผ่ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายปรีชา ที่ซุ้มไก่แห่งหนึ่งในจังหวัดอุครธานี มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวน นายปรีชา หรือไผ่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และ ให้การว่าได้ก่อเหตุจริงโดยได้รับการจ้างวานมาในราคา 50,000 บาท ได้รับเงินสดมาแล้ว 18,000 บาท โดยตนเองได้รับการจ้างวานมา โดยในวันก่อเหตุ (9 ก.พ.67) คนร้ายได้มาดูต้นทางบริเวณบ้านของผู้บาดเจ็บ และได้แกล้งทำตัวเป็นคนสติไม่ดีเดินคุ้ยขยะบริเวณถังขยะหน้าปากซอยทางบ้านของผู้บาดเจ็บ (แบริ่ง 33/10) เมื่อผู้บาดเจ็บขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาถึงคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนแบลงค์กัน (ปืนอัดลมดัดแปลง) บรรจุกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 1 นัด ที่เตรียมมายิงผู้บาดเจ็บไป 1 นัด กระสุนถูกบริเวณแขนขวา ทะลุเอวด้านขวา กระสุนฝังกำแพงบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีไป

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ได้คุมตัวนายปรีชา ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดที่เกิดเหตุ โดยไล่เรียงจากจุดที่ผู้ต้องหาดูลาดเลาบริเวณตรงข้ามหน้าปากซอยที่เกิดเหตุ ในช่วงสายของวันเกิดเหตุ ก่อนที่ ผู้ก่อเหตุจะมานั่งคุ้ยขยะบริเวณหน้าปากซอยที่เกิดเหตุกว่า 10 นาที จนผู้บาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยที่ผู้บาดเจ็บบอกตนเองว่า ห้ามนอนตรงนี้ ตนเองก็ตอบว่าโอเคครับ ก่อนที่จะใช่ปืนที่ใส่ในถุงดำที่วางไว้ข้างถุงขยะยิงใส่ผู้บาดเจ็บไป 1 นัด โดยยิงปืนอยู่ในถุงดำ ก่อนที่จะหลบหนีไป ก่อนจะเจ้าหน้าที่จะพาไปทำแผนตามเส้นทางหลบหนี

พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้จ้างวานฆ่ามีความสัมพันธ์เป็นอาเป็นหลานกัน อาจจะมีความขัดแย้งส่วนตัว ทำให้หลานไปจ้างวานกลุ่มแก็งนี้มาพยายามฆ่าผู้เป็นอา ประมาณว่าทำธุรกิจร่วมกันก็เลยขัดแย้งกัน ในส่วนของผู้รับงาน รับงานมาและให้มือปืนปลอมตัวเป็นคนจรจัดและไปรอซุ่มอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนที่ว่าทำไมถึงต้องปลอมตัว ต้องรอสอบปากคำอีกที และ ต้องชมเชยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะใช้เวลาน้อยในการสืบสวน จนมาเจอว่าเป็นกรณีของคดีจ้างวานฆ่า ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ได้ไปตามจับกุมตัวถึงจังหวัดอุดรธานี ยังเหลือในส่วนของผู้จ้างวานฆ่าที่ต้องสืบหาและตามจับกุมต่อไป

นายปรีชา ผู้ต้องหา เล่าว่า มีคนมาติดต่อตนให้รับงาน และจะให้ค่าจ้างวาน เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ด้วยการใช้คำพูดว่าทำงานหรือเปล่าถ้าอยากได้เงิน ก่อนจะมารับไปดูสถานที่ก่อเหตุ และ ให้ปลอมตัว โดยฝ่ายผู้ว่าจ้างวางแผนเอาไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเล่าว่าตนไปยืนรอทั้งวันที่หน้าบ้านทำทีเป็นเก็บขยะ พอเป้าหมายออกมาก็ลงมือยิงทันที พอก่อเหตุเสร็จก็หนีกลับอุดร ตามแผนที่วางเอาไว้ และได้ไปหลบอยู่ที่ซุ้มไก่ในจังหวัดอุดร เจ้าตัวเล่าว่าตนเองกำลังต้องการเงิน พอผู้จ้างวานมาจ้างในจำนวนเงิน 50,000 บาท ก็เลยรับงานและตนก็รู้จักกับผู้จ้างวานเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุ ตนเองไม่รู้ เพราะอีกฝ่ายบอกแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเงินว่าจ้าง ก็ยังได้ไม่ครบ เจ้าตัวฝากถึงผู้บาดเจ็บ ว่าไม่ได้ตั้งใจ ส่วนเรื่องที่รับจ้างเพื่อจะเอาเงินไปดูแลลูกแต่ต้องมาโดนจับเสียก่อน