วันที่ 13 ก.พ.67 ที่ ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติด สูงสุด 100 ตำบล ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ณ ศูนย์ปฏิบัติการ บ้านผือใหญ่ หมู่ที่ 14 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยมีพระครู บูรพาธรรมาภินันท์ เจ้าคณะตำบลรัตนบุรี เจ้าอาวาสวัดใต้บูรพาราม อ.รัตนบุรี พระครู รัตนธรรมาภิมณฑ์ เจ้าอาวาสวัดสว่างบ้านผือ ต.รัตนบุรี, พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ,พ.ต.อ.เชษฐา เชยชุ่ม รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, นายกฤตเมธ สุธิหาญ สาธารณสุขอำเภอรัตนบุรี นายปรีชา สีโสดา นายก อบต.รัตนบุรี ,พร้อมตัวแทนจากนายอำเภอรัตนบุรี, ตัวแทนจาก รพ.รัตนบุรี กำนันผู้ใหญ่บ้าน และทีม อสม.ตัวแทนจาก สพป.สร. เขต 2 ร่วมในกิจกรรม
โดยมี พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ เจริญศรี ผกก.สภ.รัตนบุรี ได้กล่าวรายงานว่า ตามที่สถานีตำรวจภูธรรัตนบุรี ได้รับนโยบายให้ดำเนินการโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติด สูงสุด 100 ตำบล ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งตำบลรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ได้ดำเนินตามโครงการทั้งหมด 12 หมู่บ้าน โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการตั้งแต่ 3 ธ.ค.2566 ถึง 31 มี.ค.2567 รวมระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งได้แบ่งการทำงานออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วยขั้นเตรียมการ ขั้นปฏิบัติการ และขั้นส่งต่อความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยทีผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด 100 ตำบลตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล บ้านผือ ม.14 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ สถานีตำรวจภูธรรัตนบุรี ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ร่วม X-RAY ค้นหาผู้เสพและผู้สมัครใจในการเข้าร่วมโครงการซึ่งทุกฝ่ายได้ดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอนอย่างเข้มแข็ง
จากนั้น พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 ได้ให้โอวาทกับผู้ร่วมโครงการ พร้อมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนมาวันนี้โดยการมอบหมายของ ผบช.ภ.3 .ให้มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ สำหรับผู้บำบัดและผู้เข้าร่วมโครงการในชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในชุมชนแพร่ระบาดซึ่งทางรัฐบาลได้กำหนด 100 ตำบลทั่วประเทศไทย ซึ่ง ตำบลใน พื้นที่ ตร.ภ.3 มีทั้งหมด 9 ตำบล ซึ่งในตำบลรัตนบุรี ก็ถือเป็นอีกแห่งหนึ่งของตำบลที่มีการแพร่ระบาด ซึ่งได้รับทราบผลการปฏิบัติอยู่ในขั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ สิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้กับภาคีเครือข่าย และพ่อแม่พี่น้องคือความร่วมมือร่วมใจ โดยเฉพาะการปฏิบัติอย่างยั่งยืนนั้นอย่าคิดว่าหลังหมดโครงการแล้วเราจะหยุดยั้งอยู่แค่นั้น ซึ่งโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั้งยืนต้องการให้เกิดความเข้มแข็งไม่มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นอีก หรือการแพร่ระบาดลดน้อยลงจนไม่มีเลย ทั้งนี้ความสำคัญของภาคีเครือข่ายท่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.ต้องให้ความร่วมมือกันในการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง