เปิดที่มา...มอบดอกไม้วาเลนไทน์ ทำไมมอบกุหลาบให้กัน
เพราะว่ากุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว ทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความน่ารัก ความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี ดังนั้นกุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะ จนมีตำนานกล่าวขานกันต่างๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก
ตำนานเล่าว่า “คลอรีส” เทพธิดาแห่งดอกไม้ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบและยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นต่อมามีการมอบดอกกุหลาบแก่ “อีรอส” ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก
ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไว้ไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้ยังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า “กุหลาบมอสส์”
นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบ และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอกกุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงครามกุหลาบ” เกิดขึ้นในปี พ.ศ.1948-2028 และในสมัยต่อมาพวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษไป ถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอน
อ้าอะรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมะโนภิรรมระตี ณแรกรัก
แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภินัก นะฉันใด
หญิงและชายณะยามรตีอุทัย สว่าง ณ กลางกะมลละไม ก็ฉันนั้น
(มัทนะพาธา: รัชกาลที่ 6)
เรามาดูกันในประเทศไทยบ้างมีเรื่องราวเล่าขานถึงความงดงามของดอกกุหลาบไว้โดยปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ของพระมหาธีราชเจ้า รัชกาลที่ 6 ในเรื่อง “มัทนะพาธา” หรือ “ตำนานดอกกุหลาบ” ซึ่งได้ปรากฏชัดว่าดอกกุหลาบได้กลายเป็นดอกไม้ที่นิยมไปทั่วโลก
เรามาย้อนอดีต…กุหลาบ…ราชินีแห่งบุปผชาติกันดูไหม
ด้วยความโดดเด่นของรูปโฉมอันพิลาส กอปรกับกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้น่าหลงไหล กุหลาบจึงเป็นดอกไม้ที่นิยมมาตั้งแต่อดีตกาล โดยดูได้จากซากฟอสซิลที่ขุดพบโดยนักวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดแน่นอนจะอยู่ในราว 5,000 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยสุเมเรียน (Sumerians) โดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษได้ขุดค้นพบน้ำที่มีกลิ่นกุหลาบ ในหลุมศพของกษัตริย์ในสมัยนั้น นอกจากนี้ซึ่งมีรูปทรงเป็นดอกกุหลาบทำด้วยทองคำ
แต่ในบางแหล่งได้กล่าวไว้ว่ากุหลาบมีกำเนิด ณ เทือกเขาคอเคซัสประเทศเปอร์เซีย หรืออิหร่านในปัจจุบันและมีชื่อเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า “คุล” Gol หรือ Gul ซึ่งแปลว่า ดอกไม้ และคำว่า “คุลาพ” หมายถึง กุหลาบอย่างที่คนไทยเราเรียกกัน
สำหรับประเทศไทยไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกุหลาบมาตั้งแต่สมัยใด หากแต่มีการบันทึกของราชทูตฝรั่งเศส ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่าได้เห็นดอกกุหลาบอยู่ในกรุงศรีอยุธยา และอีกหลายแห่งที่ปรากฏหลักฐานว่า มีกุหลาบเข้ามาเมืองไทยแล้วก็คือ กายพ์ห่อโคลงนิราศธารโศก ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ที่ได้กล่าวถึงความงามของดอกกุหลาบไว้ด้วย
ดอกกุหลาบนั้นทั้งลักษณะและสีสันของมันสามารถสื่อความหมายถึงคนที่เรามอบให้ได้ว่าอย่างไรที่เราทุกคนเรียกมันว่า “ภาษาดอกไม้” มาดูกันเลยว่าดอกกุหลาบแต่ละแบบ แต่ละสีสื่อความหมายไว้ว่าอย่างไรกันบ้าง
-กุหลาบแดง หมายถึงความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของคิวปิคและอีรอส (คุณกามเทพไง) เป็นสิ่งนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับ
-กุหลาบขาว หมายถึงความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ ความเงียบสงบ และนำโชคมาสู่ผู้หญิงที่ได้รับเช่นเดียวกับดอก กุหลาบแดง
-กุหลาบสีชมพู หมายถึงความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ที่สุด
-กุหลาบสีเหลืองหรือสีส้ม หมายถึงความรักร้อนแรงและยาวนาน ไม่จืดจาง หวานชื่น และมีความสุข
-กุหลาบตูม หมายถึงความรักและความเยาว์วัย
-กุหลาบบาน หมายถึงความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
ประเพณีของหนุ่มสาวชาวอาทิตย์อุทัย หรือชาวญี่ปุ่นงจะแตกต่างกับชาติอื่นๆ คือในวันที่ 14 กุมภาพันธ์หรือวันวาเลนไทน์ สาวๆจะเป็นคนให้ช็อกโกเลต (Chocolate) รูปหัวใจขนาดเล็ก-ใหญ่แล้วแต่ความชอบน้อย-มาก (ฐานะด้วย) กับหนุ่มๆที่เธอชอบ เรียกว่าวันนั้นหนุ่มๆยิ้มกันแก้มปริกันเป็นแถว หลังจากวันนั้นอีกหนึ่งเดือนคือวันที่ 14 มีนาคมหนุ่มๆจะมอบดอกกุหลาบ เพื่อเป็นการขอบคุณสาวผู้ให้ตอบแทน
สำหรับประเพณีเกาหลี วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หนุ่มจะเป็นคนให้ช็อกโกเลต รูปหัวใจให้สาวที่ตัวเองรัก ....หลังจากนั้น 14 มีนาคม หากสาวรักหนุ่มคนนั้น เธอจะส่งช็อกโกแลตขาวเพื่อสื่อรักกับหนุ่มคนนั้น
เป็นอย่างไรบ้าง หวังว่างานนี้คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีจึงเป็นวันวาเลนไทน์ และทำไมต้องให้ดอกกุหลาบในวันนั้น
-ขอขอบคุณข้อมูลจากครูบ้านนอกบล็อก
#ดอกไม้วาเลนไทม์ #วันวาเลนไทม์ #วาเลนไทม์ #ข่าววันนี้ #14กุมภาพันธ์