นครพนม ตื่นตาแห่ชื่นชม ชนเผ่าไทแสก ต.อาจสามารถ โชว์สกิล รำแสกเต้นสาก ในพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญบวงสรวงโองมู้ บรรพบุรุษ สืบสานประเพณีโบราณชนเผ่า หนุนการท่องเที่ยว สร้างความตื่นตา หาดูยากที่เดียวในไทย รำเต้นบนจังหวะกระทบไม้

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงงานประเพดีบุญเดือน 3 ถือว่า เป็นงานสำคัญของชาวอีสาน โดยชนเผ่าต่างๆ จะได้ออกมาร่วมกันประกอบพิธีสำคัญไหว้บรรพบุรุษ ถือเป็นการสืบสานประเพณีโบราณ อีกทั้งเป็นการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว แสดงออกถึงการสืบทอดพิธีกรรมสำคัญ เช่นเดียวกันกับ เผ่าไทแสก 1 ใน 8 เผ่า ของ จ.นครพนม ปัจจุบันส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ดั้งเดิมที่มีบรรพบุรุษอพยพ มาจากชายแดนประเทศจีน และเวียดนาม กระจายมาอยู่ตามชายแดนแม่น้ำโขง ดินแดน 12 ปันนา รวมถึง เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว  และข้ามฝั่งแม่น้ำโขง มาอยู่ที่ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ในยุคสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 หรือ ประมาณ พ.ศ.2367 – 2394 โดยมี โองมู้ ผู้นำชนเผ่าไทแสก นำพามาก่อตั้งชุมชน และมีการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี อันดีงาม  ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

โดยทุกปี ชุมชนเผ่าไทยแสก ต.อาจสามารถ อ.เมือง รวมถึง ชาวบ้านไทแสกในพื้นที่ บ้านบะหว้า ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม ได้ร่วมจัดงานประเพณีขึ้น ทุกปี ช่วงเดือนมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ ช่วงวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3  จะมีการจัดกิจกรรมสำคัญประกอบด้วย พิธีกินเตรดเดน เป็นภาษาไทแสก หมายถึงการจัดพิธีบวงสรวงไหว้บรรพบุรุษ คล้ายเทศกาลตรุษจีน การแสดงแสกเต้นสาก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ลูกหลาน  รวมถึงการจัดการแสดงซุ้มวิธีชีวิตวัฒนธรรมไทแสก ของชุมชนต่างๆ ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้ศึกษาเที่ยวชม เป็นการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว

สำหรับประเพณี วันรวมใจไทแสก มีไฮไลน์ สำคัญที่ขาดไม่ได้หลังเสร็จพิธีทำบุญ บวงสรวงไหว้บรรพบุรุษเจ้าปู่โองมู้  คือ การแสดง แสกเต้นสาก ถือเป็นการแสดงที่เกิดจาก พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตเดิม จะเป็นการแสดงเพื่อบูชาบวงสรวงบรรพบุรุษ เนื่องจากเป็นการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ประเพณีวัฒนธรรม ที่หาดูยาก เป็นต้นตำหรับหนึ่งเดียวในไทย จนกระทั่งปัจจุบันได้ นำมาเป็นการละเล่น สืบสานประเพณี ไว้แสดงโชว์ในงานพิธีสำคัญ รวมถึง กิจกรรมการท่องเที่ยว  ถือเป็นการแสดงที่ยาก จะต้องใช้ความชำนาญ  เนื่องจากจะใช้ผู้แสดงประมาณกว่า 10 คน นำไม้ความยาวประมาณ  2-3 เมตร เป็นคู่ มานั่งกระทบ เป็นจังหวะ เดิมโบราณใช้สากตำข้าว ปัจจุบันได้ หันมาใช้ไม้ที่จัดขึ้นเพื่อการแสดง จากนั้น จะมีการจัดคู่รำ เป็นคู่ประมาณ 3 – 5 คู่  จะกระโดดสลับไปในช่องของไม้ที่กระทบกัน ควบคู่กับการรำที่เข้าจังหวะ  ถือเป็นการแสดงที่ยากต้องใช้ความชำนาญ และฝึกฝนมาอย่างดี หากผิดพลาดอาจถึงขั้นบาดเจ็บ กลายเป็นการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจ และสร้างความประทับใจให้ประชาชน นักท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก และเป็นการแสดงที่หาดูได้ยาก ทั้งสนุกสนานและตื่นเต้น สวยงาม   

     

ทั้งนี้ นายไพรัตน์ สุสิงห์ กำนัน ต.อาจสามารถ กล่าวว่า วันรวมใจไทแสก  สืบทอดกันมานานหลายปี เป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชุมชนไทแสก ถือเป็น 1 ใน 8 ชนเผ่า ที่อพยพย้ายมาจากชายแดนเมืองจีน กับเวียดนาม และมาก่อตั้งรากฐานในหมู่บ้านแห่งนี้ คือ บ้านอาจสามารถ จึงได้มีการสืบสานประเพณีอันดีงาม มาจากอดีต ทุกปี ช่วงหลังปีใหม่ จะมีการจัดงานขึ้น เพื่อรำลึกสืบสานประเพณี ให้ลูกหลาน ได้ เห็นความสำคัญของประวัติความเป็นมา รวมถึง บรรพบุรุษที่เดินทางมาก่อตั้งถิ่นฐาน  ส่วนเอกลักษณ์ของ ชาวไทแสกเดิมจะมีชุดประจำถิ่นจากผ้าฝ้ายสีเข้ม ขริบสไบสีแดง มีภาษาวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทุกปี ชาวไทแสกจะต้องมีทำบุยกราบไหว้สักการบูชา   เจ้าเด่นหวั่วปู่โองมู้ ริมฝั่งแม่น้ำโขง  ถือเป็นบรรพบุรุษที่ก่อตั้งหมู่บ้าน ดูแลชาวไทแสกมาแต่อดีต จึงได้ร่วมกันจัดสร้างศาลขึ้น เป็นที่รวมจิตใจ  ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีการจัดจำหน่าย สินค้าโอท็อป มีการจัดแสดงวัฒนธรรมประเพณีรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการส่งเสริมอาชีพเปิดร้านอาหารเมนูปลาจุ่มในพื้นที่  ขาดไม่ได้ ใครมาเยือนจะต้องได้ชื่นชม ประเพณีแสกเต้นสาก ที่หาดูยาก เป็นการสืบสานพิธีความเชื่อ นำมาสู่การแสดง  ส่งเสริมการท่องเที่ยว  ใครอยากสัมผัสวิถีชีวิต เอกลักษณ์ วัฒนธรรมชนเผ่าไทแสก อย่าลืมมาเที่ยว ชุมชนไทแสก ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม