รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หลังยกเป็นวาระแห่งชาติ ชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบันได4ขั้น ทำให้ปลดหนี้ประชาชนจำนวนมาก “นายกฯ”ลั่นปัญหาหนี้นอกระบบต้องจบในรัฐบาลนี้ "นายกฯ" ลั่น หนี้นอกระบบต้องจบในรัฐบาลนี้ ขอธนาคารรัฐ นำเงินช่วยเหลือ ปชช.ที่ยากลำบาก มากกว่ากอดผลกำไรไว้
ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการแถลงข่าวความคืบหน้าผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ว่า ตามที่ได้มอบนโยบายเมื่อวันที่ 28 พ.ย.66 และเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.66 กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน ทั้งหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ เป็นวาระแห่งชาติ ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันการเงินของรัฐให้บูรณาการและประสานงานร่วมกันในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับประชาชนอย่างครบวงจร และแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จให้จบภายในรัฐบาลนี้
นายกฯ กล่าวว่า ถึงวันนี้ผ่านมาประมาณ 2 เดือนแล้ว หน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากจึงขอแถลงความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนเพื่อชื่นชมการทำงานของทุกหน่วยงาน ชี้แจงปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมแนวทางแก้ไขและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่กำลังประสบปัญหา แต่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ ให้เร่งติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขอรับความช่วยเหลือต่อไป
โดยผลการแก้หนี้นอกระบบ สำหรับการแก้หนี้นอกระบบ ได้มอบภารกิจให้กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทในกระบวนการไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีบทบาทในการดำเนินคดีอาญาหากเจ้าหนี้มีพฤติการณ์ข่มขู่ใช้ความรุนแรง รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินของรัฐ เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นแหล่งเงินทุน ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว
ทั้งนี้ ผลของการแก้หนี้นอกระบบ ตั้งแต่เปิดรับลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 มียอดผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้มากกว่า 1 แสน 4 หมื่นราย ยอดมูลหนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 9 พัน 8 ร้อยล้านบาท ยอดของรายการที่มีข้อมูลครบและสามารถเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยได้ 2 หมื่น 1 พันราย และไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว 1 หมื่น 2 พันราย คิดเป็น 57% ของจำนวนที่เข้าสู่กระบวนการ และผลจากการไกล่เกลี่ย ทำให้มูลหนี้ลดลงกว่า 670 ล้านบาท จากยอดผู้ลงทะเบียนที่เป็นลูกหนี้มากกว่า 1 แสน 4 หมื่นราย และสามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้วประมาณ 1 หมื่น 2 พันราย ยังถือว่าหนทางข้างหน้ายังท้าทายมากสำหรับทุกหน่วยงาน
นายกฯ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และดำเนินการอย่างทั่วถึง ครอบคลุมประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ท่านอาจจะเจออุปสรรคบ้าง เช่น ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้ เจ้าหนี้ไม่ให้ความร่วมมือ หรือไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ กระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่เป็นเหมือนบันไดขั้นแรก ของการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบครั้งนี้ ยังคงต้องเร่งปฏิบัติงานแบบเชิงรุก เร่งหาตัวเจ้าหนี้ และดำเนินการไกล่เกลี่ยให้บรรลุผลให้มากที่สุด และเพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อขอเข้าร่วมการแก้หนี้ได้สะดวก จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาจัดกิจกรรม ตลาดนัดแก้หนี้ ซึ่งทราบว่าได้มีการดำเนินการในทุกจังหวัดเรียบร้อยแล้วอย่างน้อยเดือนละ 4 ครั้ง
สำหรับบันไดขั้นที่สองของการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับหนี้นอกระบบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ และรับจำนำรถยนต์ - รถจักรยานยนต์ โดยผิดกฎหมาย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.– 4 ธ.ค.66 และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 15 – 24 ม.ค.67 โดยสามารถจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดมากกว่า 1 พัน 3 ร้อยราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 40 ล้านบาท
สำหรับบันได้ขั้นที่สาม ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ให้ความช่วยเหลือด้านการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แก่ลูกหนี้ที่ผ่านการไกล่เกลี่ยมาแล้ว เพื่อให้สามารถพัฒนาอาชีพ สร้างรายได้เพิ่ม และไม่ต้องกลับมาเป็นหนี้นอกระบบซ้ำอีกในอนาคต ปัจจุบันธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. ได้มีมาตรการสินเชื่อให้แก่ลูกหนี้นอกระบบหลายมาตรการ แต่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องการเข้าถึงสินเชื่ออยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นจากกระบวนการ การเตรียมเอกสารรายรับ รายจ่ายย้อนหลัง ที่ลูกหนี้ต้องยื่นและเป็นอุปสรรคต่อการได้รับสินเชื่อ ซึ่งได้กำชับกับธนาคารทั้ง 2 แล้ว ให้ดูแลลูกหนี้กลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ
สำหรับบันไดขั้นสุดท้าย ที่จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ไม่ให้กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก คือ การสร้างรายได้เพิ่มให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต้องมาร่วมกันเสริมทัพเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน หาอาชีพและสร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน
นายกฯ กล่าวว่า ผลการแก้หนี้ในระบบในส่วนของหนี้ในระบบนั้น ได้แบ่งกลุ่มลูกหนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม บางกลุ่มได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว แต่บางกลุ่มยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยกลุ่มที่ 1 คือ ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 หรือเรียกสั้นๆ ว่า ลูกหนี้รหัส 21 ลูกหนี้กลุ่มนี้ได้รับการช่วยเหลือโดยปิดบัญชีหนี้เสียแล้ว มากกว่า 6 แสน 3 หมื่นบัญชี มูลหนี้กว่า 4 พันล้านบาท กลุ่มที่ 2 คือ ลูกหนี้ที่มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้จำนวนมากจนเกินศักยภาพในการชำระคืนหนี้ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน ทำให้การชำระคืนหนี้ไม่ต่อเนื่อง กลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มที่มีหนี้เสียคงค้างกับสถาบันการเงินมาเป็นระยะเวลานาน
นายกฯ กล่าวว่า จากผลที่ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการทำงานของทุกหน่วยงาน และความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ลูกหนี้จะต้องให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลถึงสาเหตุปัญหา ให้ข้อมูลเจ้าหนี้ และมูลหนี้ที่แท้จริง รวมทั้งเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐเพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไขได้อย่างตรงจุด ตรงประเด็น และทันท่วงที