ทันสถานการณ์โลก / Benedict
หลังจากที่สหรัฐและพันธมิตรได้เปิดปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรีย 85 เป้าหมาย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อตอบโต้การโจมตีฐานทัพสหรัฐในจอร์แดนเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ทหารสหรัฐเสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บกว่า 40 นาย ซึ่งเป็นทหารสหรัฐเสียชีวิตครั้งแรกหลังความขัดแย้งปะทุขึ้นในตะวันออกกลางเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ระหว่างฮามาสและอิสราเอล
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ซึ่งสหรัฐชี้ว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มฮูตีรวมถึงกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวในภูมิภาค ออกมาระบุว่า การโจมตีเป้าหมายต่างๆ ของสหรัฐและพันธมิตรในอิรักและซีเรีย จะไม่ส่งผลใดๆ นอกจากทำให้ความตึงเครียดและความไม่มั่นคงภูมิภาคทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ก่อนหน้านี้ อิรักออกมาระบุว่า การโจมตีตอบโต้กลับของสหรัฐจะนำมาซึ่งหายนะให้กับภูมิภาค พร้อมกับให้ตัวเลขว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าวอย่างน้อย 16 คน ซึ่งรวมถึงพลเรือน
โฆษกนายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของอิรัก และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของอิรักและของภูมิภาค
ขณะที่ซีเรียกล่าวว่า จะปล่อยให้สหรัฐทำการยึดครองดินแดนซีเรียต่อไปไม่ได้
ตามคำแถลงของกองทัพสหรัฐ การโจมตีได้พุ่งเป้าไปที่หน่วยรบพิเศษคุดส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานจารกรรมต่างชาติและกองกำลังกึ่งทหารของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (ไออาร์จีซี) ของอิหร่าน และกองกำลังติดอาวุธในเครือข่ายที่อยู่ในอิรักและซีเรีย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวว่า การโจมตีของสหรัฐจะดำเนินต่อไปตามเวลาและสถานที่ที่เราเลือก พร้อมกับเสริมว่าสหรัฐไม่แสวงหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือในพื้นที่อื่นๆ ในโลก
เมื่อ 6 ก.พ. 2567 สำนักข่าวอัลจาซีรารายงาน รัฐบาลรัสเซียและจีนจับมือกัน ประณามสหรัฐฯ อย่างรุนแรงที่เปิดฉากโจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรีย
เอกอัครราชทูตรัสเซียและจีน ได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อเย็นวันที่ 5 ก.พ. 2567 ตามเวลาท้องถิ่น กล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่ายกระดับความเสี่ยงของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยนายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ยังชี้ว่าการตัดสินใจโจมตีเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรีย เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. 2567
รัสเซียเป็นประเทศที่ได้ยื่นญัตติขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุม หลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีเป้าหมายหลายสิบแห่งทั่วอิรักและซีเรีย ตอบโต้ที่กลุ่มติดอาวุธ ‘ขบวนการอิสลามเพื่อการต่อต้านในอิรัก’ ซึ่งอิหร่านสนับสนุน โจมตีฐานทัพทาวเวอร์ 22 ของสหรัฐฯ ในจอร์แดน
นายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ยังกล่าวหาการโจมตีครั้งนี้ของสหรัฐฯ ว่า เป็นความพยายาม ‘เบ่งอำนาจ’ และราดน้ำมันลงบนความขัดแย้งในตะวันออกกลางให้รุนแรงมากขึ้น
ด้านนายจาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ ประณามการโจมตีในครั้งนี้ของสหรัฐฯ โดยชี้ว่าเป็นการทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางทวีมากขึ้น