เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรบางเลน จังหวัดนครปฐม เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ เยาวชนรุ่นใหม่หัวใจสมานฉันท์ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเยาวชนก่อเหตุยกพวกตีกันทำให้เกิดปัญหาสังคมหลายครั้งในระดับพื้นที่ โดยได้ประสานผู้นำชุมชน คณะสงฆ์ ผู้ปกครอง นำเยาวชนที่ถูกกันเข้ามาจัดกิจกรรมละลายพฤติกรรมร่วมกันแก้ปัญหาขัดแย้งในระยะยาว โดยรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ชี้เป้าสร้างโมเดลใหม่แก้ปัญหาจากต้นเหตุลดปัญหาความขัดแย้งในสังคมระดับชุมชน เยาวชนตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาดว่าโครงการนี้จะเป็นโมเดลในการพัฒนาในการสร้างเครือข่ายระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยเหลือบ้านเมืองให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขต่อไป

โดยเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 67 ที่ผ่านมา สถานีตำรวจภูธรบางเลน จังหวัดนครปฐม โดย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "วัยรุ่นพันธุ์ใหม่ หัวใจสมานฉันท์" ที่หอประชุมวัดไผ่ประชานารถ โดยมี พ.ต.ท.อุทัย สุมาลัย รองผู้กำกับการป้องกันและปราบ สภ. บางเลน พระครู ดร.ปัญญาภิสันท์ เจ้าคณะอำเภอบางเลน เจ้าอาวาสวัดบางไผ่นารถ กลุ่มเยาวชนในพื้นที่ 20 รายและครอบครัวเข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว 

พ.ต.ท.อุทัย สุมาลัย รองผู้กำกับการป้องกันและปราบ สภ. บางเลน กล่าวว่าในการจัดกิจกรรมในโครงการดังกล่าวสืบเนื่องมาจากนโยบายของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตำรวจแห่ง ได้มีนโยบายเกี่ยวเรื่องการป้องกันระงับไม่ให้เยาวชนก่อเหตุสะเทือนขวัญและเป็นปัญหาบ้านเมือง ซึ่งในพื้นที่อำเภอบางเลนมีสถิติของการเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บข้อมูลไว้คือกลุ่มเยาวชนได้มีการก่อเหตุในพื้นที่หลายครั้งโดยล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 และกลุ่มวัยรุ่นปาระเบิดใส่กันในบริเวณใกล้เคียง ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่9 ตำบลไทรงาม อำเภอบางเลนซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้ต้องมีการจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้นเพื่อสแกนหากลุ่มเป้าหมายเข้าถึงชุมชนในการระงับและป้องกันเหตุไม่ให้เกิดการรวมตัวจนนำมาสู่การกระทำที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นโดยนำเยาวชนในพื้นที่ พร้อมครอบครัวมาร่วมกันจัดกิจกรรมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ คณะสงฆ์ และครอบครัวมาทำความเข้าใจร่วมกันรวมถึงประสานผู้นำชุมชนให้มีการติดตามในเรื่องดังกล่าวเป็นการป้องกันไว้ก่อน

พระครู ดร.ปัญญาภิสันท์ เจ้าคณะอำเภอบางเลน เจ้าอาวาสวัดบางไผ่นารถ กล่าวว่ากิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่มีการนำเยาวชน ผู้ปกครอง เข้ามาสู่วัดและจัดกิจกรรมร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้นำชุมชน ซึ่งทางวัดถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการของโครงการหมู่บ้านรักษาศีลห้าที่กำลังมีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งการให้ความรู้ ความเข้าใจ และนำมาสู่การทำให้สังคมเกิดความสงบ ซึ่งทางวัดก็ยินดีที่จะให้สถานที่และเข้ามาร่วมงานในกิจกรรมนี้ด้วย อีกส่วนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ในประเทศว่าหากมีการควบคุมและติดตามผลอย่างเอาจริงเอาจังก็จะสามารถนำไปสู่การที่จะทำให้สังคมเกิดความผาสุกได้

พลทหาร ธนกฤต มนประเสริฐ หรือไนท์ เยาวชนกลุ่มคลองศิริราช บอกว่าการได้เข้ามาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ถือว่าได้รับประโยชน์มากจากเมื่อก่อนตนเองมีความก้าวร้าวและมักนำเรื่องเข้าบ้านมาเสมอทำให้ครอบครัวอยู่ในความวิตกกังวลและหนักใจ ซึ่งหลังจากได้รับการเข้าเกณฑ์ทหาร และถูกอบรมทำให้มีแนวคิดเปลี่ยนไปและมีคนชมว่าพฤติกรรมไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะการได้เข้ามาร่วมในโครงการนี้จะเห็นได้ว่าเป็นการนำเยาวชนมารวมตัวกันจากหลายหลายกลุ่มหลายชุมชนเพื่อทำความรู้จักกันเป็นเพื่อนกันจะไม่มีการก่อเหตุอย่างอื่นจากความบาดหมางหรือเพียงแค่มองหน้าและไม่ชอบกันและนำไปสู่การทำร้ายร่างกายการยกพวกตีกัน ซึ่งวันนี้บอกได้ว่า ผมได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะจากการได้รับการอบรมต่างๆและทำให้ที่บ้านรู้สึกสบายใจ โดยโครงการนี้ผมได้กลับมาเจอเพื่อนเพื่อนเยาวชนที่เคยคบหากันในชุมชนและชุมชนยิ่งจะทำให้เกิดสิ่งที่ดีและสามารถนำพลังของพวกเราไปทำสิ่งดีดีในสังคมได้ต่อไป 

พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กล่าวว่าในการจัดโครงการดังกล่าวได้มีการสั่งการให้พื้นที่รับผิดชอบได้มีการทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนในการติดตามกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ซึ่งพบว่ามีสองกลุ่มใหญ่ที่มักมีความบาดหมางและความขัดแย้งกันโดยจะมีการก่อเหตุทำร้ายร่างกายกันโดยใช้อาวุธมีดเป็นส่วนใหญ่ส่วนใหญ่ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนในพื้นที่ และสร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่ครองเนื่องจากเมื่อมีรถเสียงไซเรน ผ่านบ้านไปแล้วก็จะรู้สึกว่าเป็นลูกหลานตัวเองหรือคนในครอบครัวที่ถูกก่อเหตุหรือไปก่อเหตุกับคนอื่นหรือไม่ การดำเนินการนี้เป็นการจัดระบบ ในการละลายพฤติกรรมซึ่งเราจะนำเยาวชน มาร่วมกันกับผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และคณะสงฆ์ได้มีการเทศนาสอนทำ จากนั้นจะเป็นการจัดกิจกรรมให้ ทำร่วมกันเพื่อสร้างความสมานฉันท์ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี

รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางตำรวจได้มีการทำงานในการติดตามเป็นแบบปลายเหตุคือการทำประวัติลงบันทึกข้อมูลในการติดตามไว้เมื่อมีการก่อเหตุก็สามารถติดตามได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ได้นำมาถึงการที่จะทำให้เกิดการลดของการแก้ปัญหาที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือบาดหมาง แต่กิจกรรมครั้งนี้เป็นการเข้าที่ต้นเหตุของแต่ละบุคคล เป็นที่น่าตกใจว่าในนี้มีเยาวชนอายุ 14 ปี ไม่กล้าที่จะไปโรงเรียนเพราะกลัวว่าจะถูกกลุ่มอริทำร้ายแต่วันนี้เขาได้มาพบกันได้ทำกิจกรรมร่วมกันเขาก็อุ่นใจและได้เป็นเพื่อน จากนั้นเราจะมีครูพี่เลี้ยงที่จะมีการแอด LINE เพื่อติดต่อหากันและสามารถพูดคุยแจ้งเหตุบอกเล่าปัญหาในทุกเรื่องให้ได้ นี่เป็นการทำงานในเชิงลึกอีกขั้นหนึ่ง จากนั้นจะมีการจัดตั้งทีมฟุตบอลของเยาวชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการมาออกกำลังกายร่วมกันติดตามปัญหาต่อเนื่องเหล่านี้เชื่อว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการแก้ไขปัญหาเยาวชนและวัยรุ่นในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีซึ่งก็จะสามารถขยายวงทำให้เกิดเป็นโมเดลที่น่าสนใจและนำไปพัฒนาต่อยอดในการสร้างบุคลากรที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและทำให้สังคมเกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืนต่อไปแน่นอน