วันที่ 12 ก.พ.67 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟซบุ๊กสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok:jopstoploss ถึงกรณีที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมจะยื่นญัตติด่วน เร่งหาแนวทางการป้องกันปราบปรามพฤติกรรมข่มขู่ ท้าทายให้ร้าย ป่วนขบวนเสด็จ ต่อสภาฯ ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการที่คนไม่กี่คนออกมาไล่ล่าขบวนเสด็จหรือออกมาพูดถึงว่า จะต้องไม่ให้มีการคุ้มครองขบวนเสด็จ คนกลุ่มนี้มีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น แต่ใช้วิธีการขยายผลโดยโซเชียล

"ผมคิดว่า เรื่องนี้ประชาชนทั่วประเทศเห็นเหมือนกับผมว่า ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมาย ตำรวจมีหน้าที่และมีภารกิจหลักคือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และคุ้มครองความปลอดภัย ทั้งรักษาเกียรติยศของสถาบันกษัตริย์ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่นายเอกนัฏจะต้องเอาเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร อย่าตกเป็นเครื่องมือ ผมไม่เห็นด้วยกับพรรค รทสช.ที่บอกว่า วันนี้จะแสดงจุดยืนแล้วเอาเรื่องนี้เข้าสู่สภาฯในการที่จะเสนอเป็นญัตติด่วน ท่านพูดได้ เขาเป็นฝ่ายค้านเขาก็พูดเหมือนกัน ซึ่งเวลาเขาพูดแล้วก็จะตัด 5 นาที 3 นาที ไปลงโซเชียล มันจะขยายผลอย่างไร ฉะนั้นผมไม่เห็นด้วย อย่าเป็นตนเครื่องมือเขา" นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ กล่าวต่อว่า เหมือนครั้งหนึ่งที่มีการออก สปก.4-01 ในปี 2537 พรรคฝ่ายค้านในเวลานั้นเอากระจงขาหักไปปล่อย แล้วก็บอกว่าการออกโฉนดออกที่ดิน สปก.4-01 นั้นเป็นการเอื้อคนรวย และไม่ใช่การเอาป่าเสื่อมโทรม แต่กลับเอาป่าอนุรักษ์ ซึ่งกระจงนั้นจะต้องอยู่ในป่าอนุรักษ์ ปรากฏว่าเวลานั้นพรรคพลังธรรมเขาไม่เอากับรัฐบาล จึงทำให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีขณะนั้นต้องประกาศยุบสภา คือเขาสร้างเรื่องแค่เอากระจงไปปล่อย สุดท้ายท่านก็หลงหลงเชื่อเขาไป 

"เช่นเดียวกัน วันนี้เขาเอาเด็กไม่กี่คนออกมาไล่ล่าขบวนเสด็จ แล้วก็ออกมาระบุว่าต้องมีพื้นที่พูดคุยอย่าผลักคนรุ่นใหม่ ซึ่งคนรุ่นใหม่ก็มีคนที่เอาเจ้า รักสถาบันอยู่แล้ว แต่เอาคนมาไม่กี่คนแล้วบอกว่านี่คือตัวแทน คนรุ่นใหม่ ท่านกำลังจะหลงผิดและตกเป็นเครื่องมือเขา"

นายสามารถ กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคก้าวไกลก็ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ออกมาบอกว่า ต้องใช้พื้นที่สภาในการพูดคุย ต้องนิรโทษกรรมมาตรา 112 ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่าไม่เห็นด้วย ตนถึงบอกว่า นายวิโรจน์ควรจะลาออก แล้วไปตั้งพรรคการเมือง ตนจะเชียร์นายวิโรจน์ที่เป็นคนรุ่นใหม่ แต่รักสถาบันด้วยจะดีมาก  

"เมื่อวานก็มีหลายคนออกมาชมนายวิโรจน์ แต่ปรากฏว่าถ้าจะตีสองหน้า เล่นละคร หน้าอย่างหลังอย่างแบบนี้มันไม่เวิร์ค ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุด ณ เวลานี้ ประชาชนทั้งประเทศเขาเห็นแล้วว่า การกระทำอะไรที่เป็นการลบหลู่พระเกรียติ เขาไม่ทนแล้ว พูดง่าย ๆ ไม่ว่าเจอน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน แกนนำกลุ่มทะลุวัง และผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เมื่อไหร่ เขาจะทำร้ายนั่นคือสิ่งผมบอกที่ไม่ใช่กระบวนการล่าแม่มด แต่เป็นการขบวนการล่าคนที่ย่ำยีหัวใจคนไทยมันเกิดขึ้นแล้ว"นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ตนไม่อยากให้สภาฯหายไปคำว่า สภาฯหายไป คือ ถ้าท่านทำให้เกิดความขัดแย้งของประชาชนเมื่อไหร่ ทหารเขาจะปฏิวัติยึดอำนาจ พวกท่านที่นั่งอยู่ในสภาฯจะตกงานกันหมด ฉะนั้นท่านต้องเดินให้ถูก เดินให้เป็น ผมอยากเห็นพรรคการเมืองที่มี สส.อยู่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า จะไม่เอา พรบ.นิรโทษกรรมทุกฉบับไม่ว่าจะเป็นที่เรื่องทุจริตคอรัปชั่น หรือการทำผิดกฏหมาย หรือเรื่องของมาตรา 112 ต้องไม่เอาทุกฉบับ เพราะคนทำผิดต้องได้รับการลงโทษ แล้วจะไม่มีกระบวนการใช้คนออกมาปิดบ้านปิดเมืองอีก ผมกำลังจะบอกว่ากลไกกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมต้องยุติธรรมกับประชาขน ฉะนั้นอย่าเอากฎหมายมาให้ใครพ้นผิด หรือออกกฏหมายเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ผมอยากเห็นพรรคการเมืองที่อยู่ในสภาฯแสดงแสดงจุดยืนนี้ ถ้าท่านไม่แสดงจุดยืนนี้ ตนมั่นใจว่าประชาชนทั้งประเทศเขารอเปลี่ยนแปลงอยู่