ฉก.นย.182 จับกุมเครือข่ายค้าอาวุธสงครามนำเข้าจากกัมพูชา เผยทำเป็นขบวนการ คาดส่งอาวุธไปยังภาคเหนือ, หลังมีความต้องการสูง และมีมูลค่านับล้านบาท และราคาแพงผบ.นย.คุมเข้มตลอดแนวจันท์-ตราด

อ.คลองใหญ่ จ.ตราด/เวลา 13.00 น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 (บ้านหาดเล็ก) น.อ.นฤมิต ศุขสมิติ  ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) นายพีระ เอี่ยมสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด,น.ท.ชยพล ตันติวิท ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 (ฉก.นย.182) และตัวแทนกอ.รมน.ตราด,ศรชล.ตราด ตำรวจภูธรจังหวัดตราด มชด./1,อำเภอคลองใหญ่ สภ.คลองใหญ่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมอาวุธสงคราม ที่ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 (ฉก.นย.182) ได้ทำการจับกุมได้ เมื่อเวลา 03.40 น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา

 น.อ.นฤมิต  เปิดเผยว่า จากนโยบายของพลเรือโทสมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการนาวิกโยธิน ให้ บยฌแเข้มงวด และเฝ้าระวังบุคคล กลุ่มบุคคล ของขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม และสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดนมากขึ้น สืบเนื่องจากการตรวจยึดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนได้ จำนวนหลายหลายการ ในพื้นที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ของ ชค.ทพ.นย.2 ในห้วง 22 - 23 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ดังนั้น ส่วนงานป้องกันชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้วางมาตรการในการลาดตระเวณตรวจตรา/เฝ้าระวัง บุคคล/กลุ่มบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อลักลอบค้าอาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนตามแนวทางชายแดนทางบก และทางทะเลมากขึ้น ประกอบกับภัยแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้มีการจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิด พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม พร้อมเครื่องกระสุน และของกลางอื่นๆ หลายรายการ 

ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ฉก.นย 182 คุมเข้มการลักลอบและได้จัดชุดปฏิบัติการ  ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจทางทะเลในพื้นที่รับผิดชอบ โดยได้ตรวจพบเรือหางยาวต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ กลางทะเล( พิกัด 48PTT 67454 92740 )บริเวณด้านหน้าหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 ที่ตั้ง หมู่ 4 ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จากนั้น จึงขอทำการตรวจสอบเรือลำดังกล่าว โดยมี นายแหรน (ไม่มีนามสกุล) อายุ 20 ปี/67 ราษฎรสัญชาติ กัมพูชา เป็นผู้ควบคุมเรือ ภายในเรือหางยาวดังกล่าว พบกล่องกระดาษพันด้วยเทปกาวอย่างหนาแน่น จำนวน 2 กล่อง ตรวจสอบภายในกล่องพบอาวุธสงครามพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหลาย ดังนี้.- 1.  ปืนเล็กยาว M 16 A 1 จำนวน 2.กระบอก,2  ปืนเล็กยาว AK 47 (อาก้า) จำนวน 8 กระบอก,3.ซองกระสุน M 16 ชนิด 30 นัด จำนวน 2 ซอง 4.  ซองกระสุน AK 47 จำนวน 45 ซอง 5.  กระสุนปืน AK 47 จำนวน 2 ลังๆ ละ 720 นัด รวม 1,440 นัด 6.  เงินสด (ไทย) จำนวน 1,000 บาท.7  เงินสด (กัมพูชา) จำนวน 3,500 เรียล ,8.  ยาไอซ์/อุปกรณ์สูบ 1 ชุด ,9. เรือไฟเบอร์ พร้อมเครื่องยนต์ติดท้าย 1 ลำ และ 10.  โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

และได้ทำการสอบสวนนายแหรน ถึงการนำอาวุธสงครามมายังจังหวัดตราดในครั้งนี้ โดยประสานรองผู้ว่าราขการจังหวัดเกาะกง เจ้าหน้าที่ทหารประจำจังหวัดเกาะกง และตกรวจเกาะกง ประเทศกัมพูชามาร่วมทำการสอบสวนร่วมด้วย ซึ่งเบี้ยงต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ต้องหาจะนำไปให้ใคร อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีเป้าหมายไปยังกลุ่มชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือที่มีการสู้รบกันอยู่ ซึ่งทางรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะได้ทำการสอบสวนต่อไป ขณะเดียวกันยังน่าเชื่อว่า จะการค้าอาวุธสงครามครั้งนี้ยังเชื่อว่าเชื่อมโยงกับการลักลอบการค้าอาวุธสงครามที่จ.จันทบุรีที่มีการจับกุมได้ทั้ง 2 ครั้งในช่วงปลายเดือนมกราคม 2567 รวมทั้งน่าจะเป็นขบวนการเดียวกันเาื่อปี 2560-2561 ที่มีการลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาเช่นกัน ซึ่งเป้าหมายก็คือมนำไปจำหน่ายในชนกลุ่มน้อยที่มีการสู้รบกันอยู่ ซึ่งมีราคาแพง 

ขณะที่พันตำรวจเอกธนกฤษ พาภิรมย์ รองผู้บังคับกาาตำรวจภูธรจ.ตราดก ล่าวว่า การสอบสวนครั้งนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุถึงเป้าหมายต้นทางและปลายทางที่แน่ชัด รวมทั้งเหตุจูงใจ ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 2 จะได้ทำการสืบสวนในเชิงลึกต่อไป อย่างไรก็ตาม จะเชื่อมโยงกับการสู้รบของชนกลุ่มน้อยในภาคเหนือหรือไม่ ยังต้องทำการสอบสวนต่อไป และก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน 

จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาควบคุมตัวที่ ฉก.นย.182 เพื่อทำการสอบสวนเบื้องต้น และจะนำส่ง สภ.คลองใหญ่ฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป โดยมีการประเมินมูลค่าอาวุธสงครามครั้งนี้ว่ามีราคาประมาณ 1 ล้านบาท แต่หากนำไปจำหน่ายในพื้นที่ให้กับชนกลุ่มน้อยได้จะมีราคากระบอกละ 1 แสนบาท 

ก่อนหน้านี้  เมื่อ 22 มกราคม 2567 เวลา 12.20 ชค.ทพ.นย. 2 โดย ร้อย.ทพ.นย.523 บ้านซับตารี จัดกำลังพลร่วมกับ ร้อย.ทพ.นย.526 ออก ลว.และเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะห่อด้วยกระสอบพันด้วยเทปกาว และใช้ใบไม้ปกคลุมเพื่ออำพรางการตรวจการณ์ด้วยสายตา จำนวนหลายกระสอบ บริเวณแนวป่าห่างจากแนวชายแดนไทย - กพช. ประมาณ 700 เมตร ในพื้นที่ บ.ซับตารี (48PTV1402866120) หมู่ 2 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรี จนท. จึงทำการเข้าตรวจสอบพบเป็นอาวุธปืนสงครามและเครื่องกระสุนจำนวนมาก ประกอบด้วย
1)  ปลย. ขนาด 5.56 มม. M-16 A-1 จำนวน 15 กระบอก2)  ปลย.AK-47 จำนวน 22 กระบอก 
3)  เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. (M203) จำนวน 1 กระบอก (ประกอบ ปลย. M-16 A-1)
4)  ชิ้นส่วน ปก. 12.7 มม. จำนวน 1 ชิ้น (ไม่สามารถใช้งานได้) เป็นอาวุธติดตั้งยานเกราะต่อสู้อากาศยานในระยะต่ำ 5)  ลูกกระสุนปืน ขนาด 12.7 จำนวน 500 นัด 6)  ซองบรรจุกระสุน AK-47 จำนวน 20 ซอง 

และ เมื่อ 23 มกราคม 2567 เวลา 14.30 ชค.ทพ.นย.2 นำโดย ร.ท.วัชรพล อินใจ ผบ.ร้อย.ทพ.นย.526 (บ้านบ่อยาง) พร้อมกำลังพล บูรณาการร่วมกับ ร.อ.คมสัน บริสุทธิ์ ผบ.ร้อย.ทพ.นย.523 (บ้านซับตารี) พร้อมกำลังพลทำการลาดตระเวนสะกดรอย และติดตามขยายผล จากกรณีตรวจพบอาวุธสงครามในพื้นที่รับผิดชอบ และได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะห่อด้วยกระสอบปุ๋ย จำนวน 4 กระสอบ ในพื้นที่ บ.ซับตารี พิกัด 48PTV1450065800 หมู่ 2 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว จ.จันทบุรีห่างจากแนวชายแดนไทย - กพช. ประมาณ 300 เมตร (ห่างจากจุดเดิมที่ตรวจพบ ประมาณ 400 เมตร) จึงเข้าทำการตรวจสอบถุงดังกล่าว จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นเครื่องกระสุนอาวุธปืนสงคราม ขนาด 12.7 มม. จำนวน 12 กล่อง (1,020 นัด) ……