จากกรณีที่นายวันชัย (นามสมมติ) อายุ 36 ปี คนขับแท็กซี่ซึ่งถูกชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกาย ย่านรัชดาภิเษก เข้าแจ้งความเอาผิดกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุ ที่  สน.สุทธิสาร 

ล่าสุดวันที่ 9 ก.พ.2567 ที่ สน.สุทธิสาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกพรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร ได้พานายวันชัย (นามสมมติ) แท็กซี่ผู้เสียหายกับนายพิพัฒน์พลและนายศุภกร แท็กซี่คู่กรณี มาพูดคุยเจรจากัน โดยนายพิพัฒน์พลได้กล่าวยกมือขอโทษแก่นายวันชัยและต่อสังคม สำนึกในสิ่งที่ทำลงไป โดยยืนยันว่า เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่ทำให้เกิดความหัวร้อน ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกายหรือทำอะไรให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด 

ด้านนายวันชัยก็ได้กล่าวให้อภัยแก่แท็กซี่คู่กรณี รวมทั้งยังได้พูดแก้ข่าวจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนถึงกรณีที่ กล่าวอ้างว่า นายพิพัฒน์พลสะกดรอยตามว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งหลังจากพูดคุยเคลียร์ใจกันแล้ว ก็ทราบว่านายพิพัฒน์พลแค่ไปส่งผู้โดยสารในทางเดียวกันกับตนเท่านั้น ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะจับมือสมานฉันท์ให้อภัยกันและกัน 

โดยทาง พ.ต.อ.พรเทพ กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องสอบปากคำแท็กซี่คู่กรณีทั้งสองคนอย่างละเอียด ก่อนจะพิจารณาแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะแจ้งข้อหาทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ส่วนข้อหาอื่น ๆ นั้น จะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป ส่วนจะไกล่เกลี่ยใด ๆ กันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย 

อย่างไรก็ตาม ถือว่าคดีนี้นั้นเป็นความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนของทั้งสองฝ่ายที่สื่อสารกันไม่เข้าใจและบิดไปเป็นคนละประเด็น หลังจากที่นายวันชัยได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนก็สามารถติดตามตัวคู่กรณีมาพูดคุยกันได้ ก็ให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยเคลียร์ใจกันและเป็นอันเข้าใจกันว่า ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันผิดพลาดและให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อย คู่กรณีทั้งสองฝ่ายก็เป็นคนบ้านเดียวกัน และประกอบอาชีพเดียวกันก็ ไม่ควรจะต้องมาแตกแยกหรือทะเลาะวิวาทใด ๆ แบบนี้ 

ส่วนกรณีที่เรียกว่าวินแท็กซี่นั้น พ.ต.อ.พรเทพ กล่าวว่า กรณีนี้จะเรียกว่าเป็นวินก็ไม่ได้ เพราะเนื่องจากว่าแท็กซี่ที่มาจอดในสถานบันเทิงนั้น ก็จอดอยู่ในสถานที่ส่วนบุคคล ไม่ได้มีพฤติกรรมของการเป็นวินแท็กซี่ เพียงแต่มาจอดแถวต่อรอผู้โดยสารเหมือนกับศูนย์การค้าใหญ่ ๆ เท่านั้น จึงทำให้ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรายงานเรื่องวินแท็กซี่มาก่อน โดยเน้นย้ำว่าที่ผ่านมานั้น ตำรวจได้ตรวจสอบภายในซอยรัชดาภิเษก 18 มาตลอด ก็ไม่พบพฤติกรรมของการเป็นวินแท็กซี่มาเฟียแต่อย่างใด จากกรณีข่าวที่ออกไปนั้นเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดกัน