“ก่อนตายขอพาฟุตซอลทีมชาติไทยคว้าแชมป์โลก” 

ประกาศมาตลอด ด้วยปณิธานที่แน่วแน่ สำหรับ "บิ๊กสุ" สุทิน บัวตูม ผู้จัดการฟุตซอลทีมชาติไทย ซึ่งเป็นที่จับตาหลังปัจจุบันผลงานของฟุตซอลไทยรั้งอันดับ 1 อาเซียน อันดับ 3 เอเชีย และอันดับ 24 ของโลก 


     
โดย “บิ๊กสุ” ให้เครดิต “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่วางรากฐานมาอย่างดี และได้ให้โอกาสตนเข้ามาทำหน้าที่นี้ เพื่อช่วยเสริมงานสานต่อในสิ่งที่ “บิ๊กป๋อม” ทำไว้ดีแล้ว เมื่อมาอยู่ในมือของ “บิ๊กสุ”ก็จะเติมเต็มให้เข้าใกล้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เพื่อความสุขของคนไทยทั้งประเทศ  และได้รับการสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ให้อำนาจอย่างเต็มที่ 


     
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่ “บิ๊กสุ” น้อมรับเสียงสวรรค์เหล่านั้น นำมาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ส่วนที่มองกันว่าเป็นการปูทางต่อยอดไปสู่การเมืองนั้น “บี๊กส” ยืนยันไม่หวังประโยชน์อะไร เพียงแค่ทำแล้วมีความสุขใจเท่านั้น พยายามช่วยงานให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสวัสดิการและเงินอักฉีดต่างๆ ซึ่งแม้นักกีฬาจะเล่นด้วยจิตวิญญาณ แต่ความพร้อมในด้านต่างๆมีส่วนสำคัญที่จะเป็นส่วนส่งเสริมให้มีพลังมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้สนับสนุน โดยเฉพาะภาคเอกชน ที่สำคัญอย่าง บริษัทเอ็มแอนด์เอ็ม บราส เมททอล จำกัด รวมทั้ง ดร.นลินี ไพบูลย์ ปธ.กรรมการบริษัท กีฟฟารีน ยูนิตี้ สกายไลน์ จำกัด, ดร.ปัญจรัตน์ มังกรกนก และครอบครัว, คุณธีร์รัถต์ สุทธิสัมพัทน์ รอง ปธ.กรรมการบริษัทยูไนเต็ด ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน)  ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด


    
“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน บางคนเค้าว่าเป็นคนโง่ ทำไมไม่ใช้คอนเน็กชั่นเพื่อหาผลประโยชน์ แต่สำหรับพี่ พี่มีแต่ให้”  
    
โดย “บิ๊กสุ” ย้ำว่า รู้สึกภูมิใจทุกครั้งเวลาที่ได้ร้องเพลงชาติไทยในการแข่งขันที่สื่อสารออกไปทั่วไป มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เป็นตัวแทนของชาติไทย ซิ่งสิ่งที่ตนได้กำชับกับนักกีฬาทุกคนก็ ในการเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศใด จะต้องรักษาวัฒนธรรมไทย ทั้งในและนอกสนาม นอกจากการไหว้แล้วยังมีของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆจากเมืองไทยไปมอบให้ด้วย เพราะเราเป็นตัวแทนของชาติ 


    
สำหรับโปรมแกรมต่อไปที่จะมีขึ้น “บิ๊กสุ” เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมให้กำลังใจทีมนักกีฬาฟุตซอลเชียร์ที่สนามฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติจาก AFC คือ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน AFC Futsal Championchip 2024 ระหว่างวันที่ 17-28 เมษายน 2567 ที่จะถึงนี้ ณ สนามบางกอกอารีน่า และ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก   


    
โดยมีทั้งหมด 16 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ก็จะแบ่งเป็น 4 สาย คือ สาย A สาย B สาย C สาย D โดยทีมชาติไทยจะอยู่ใน สาย A ซึ่งจับฉลากแล้ว ร่วมกับ เวียดนาม เมียนมา จีน รวมไทยเป็น 4 ประเทศ โดยรายการนี้เป็นการรายสำคัญเพื่อคัด 4 ทีมของทวีปเอเซียไปชิงแชมป์โลก ประเทศ อุซเบกิสถาน เดือนกันยายน 2567 ซึ่งแต่ละประเทศก็จะถ่ายทอดสดการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยว เป็นโอกาสสร้างชื่อเสียงประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก และเผยแพร่วัฒนธรรมและสิ่งที่ดีงามของประเทศไปสู่สายตาทั่วโลก ขอพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีสร้างความประทับใจสู่สานตาชาวโลกร่วมกัน  


    
“ยอมรับว่ามีความกดดันนิดหน่อย เพราะเราเข้าฟุตซอลโลก 6 ครั้งแล้ว ทีนี้ 1 ใน 4 ทีม ทีมชาติไทยเราต้องติดด้วย ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้แชมป์เอเชียเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เราตั้งเป้าไว้ต้องคว้าแชมป์ให้ได้” 


    
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยึดเหนียวจิตใจของ “บิ๊กสุ” ที่มักเป็นภาพเจนตาตามสื่อต่างๆ คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และวัตถุมงคลต่างๆที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือนำมาซึ่งกำลังใจ โดย “บิ๊กสุ” แชร์ประสบการณ์ว่า ไม่เพียงแต่ชาติไทยเท่านั้น ที่มีความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิยึดเหนี่ยว หลายประเทศที่ตนเห็นก็มีการทำพิธีก่อนลงสนาม 


    
สำหรับตนก่อนที่นักกีฬาจะลงสนาม นอกจากจะให้โอวาทและปลุกขวัญกำลังใจให้นึกถึงพ่อแม่พี่น้อง และพระบารมีของในหลวงแล้ว จากนั้นจึงทำอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเปิดเผย ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนมักนำติดตัวไปทุกที่ อย่างพระเบญจภาคี  ก็เคยสร้างปาฏิหาริย์ในการแข่งขันกับโมรอคโค ที่ทีมชาติไทยถูกยิงประตู15ครั้ง แต่ไม่เข้า เป็นที่ประจักษ์แก่สายของนักกีฬาทุกคนมาแล้ว 


    
เรียกว่า นอกจากศักยภาพของนักกีฬาฟุตซอลทีมชาติไทยจะสูงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติแล้ว เมื่อผนึกกำลังกับผู้จัดการทีมที่ครบเครื่อง ก็เรียกว่า "เก่งบวกเฮง"