วันที่ 9 ก.พ.2567 เมื่อเวลา 12.55 น. ที่บ้านราชวิถี กทม. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ให้สัมภาษณ์ว่า ปีนี้อายุ 69 ปี ขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง รวมทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ รวมทั้งผู้แทนจากพรรคการเมืองต่างๆ จึงได้เตรียมพระหลวงพ่อคูณ "รุ่นฎีจริงจริง" ท่านสร้างในวันเกิดปีสุดท้ายก่อนที่จะมรณภาพ นำมอบสิ่งดีๆให้กับทุกคน ถ้าถามว่าปีนี้วันเกิดปีนี้อยากได้อะไ รอยากให้เป็นปีที่ประเทศชาติเราดีจริงๆ เศรษฐกิจดีจริงๆ อยากให้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ขอให้ปีมังกรทองเป็นปีที่ดีที่สุดของพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่าได้เน้นย้ำเรื่องเศรษฐกิจอะไรให้กับนายกฯบ้าง นายสุวัจน์ กล่าวว่า ได้คุยกับนายกฯว่า เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญ รอการแก้ไข และมีการแลกเปลี่ยนกันในเรื่องต่างๆ นายกฯได้พูดถึงการลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยว การสร้างพลัง Soft Power มาช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนก็ขอเป็นกำลังใจให้นายกฯประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่าถึงขั้นให้กำลังใจนายกฯถือว่าปีนี้หนักหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ท่านสบายอยู่แล้ว แต่เราในฐานะพรรคร่วมสามารถที่จะสนับสนุนรัฐบาลได้ก็ยินดี เพราะตนอยู่การเมืองมาตั้งแต่อายุ 33 เพราะฉะนั้นอะไรที่เรามีประสบการณ์ ที่จะเป็นประโยชน์ก็ยินดีสนับสนุนให้รัฐบาล อะไรที่เราช่วยได้เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้
เมื่อถามถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต มองอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนมอง 2 ส่วน คือ 1.ในเรื่องของความจำเป็น และ2.ความถูกต้อง ตนคิดว่าถ้าเรื่องถ้ามองถึงเรื่องความจำเป็น เราจะเห็นได้ว่าช่วงก่อนเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองก็เสนอนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ พอเลือกตั้งเสร็จพรรคฝ่ายค้านชนะ เพราะฉะนั้นก็แสดงว่าก่อนเลือกตั้งเศรษฐกิจก็วิกฤตจริงๆ ประชาชนจึงเลือกพรรคฝ่ายค้านด้วยคะแนนเสียงที่มากกว่า
ดังนั้นดิจิทัลวอลเล็ต จึงเป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่นำเสนอสู่ประชาชน เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ได้ทำตามที่รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ ก็เป็นเรื่องที่ดี เมื่อเป็นนโยบายถ้าสามารถขับเคลื่อนได้ มีประโยชน์จริง เพราะวันนี้ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องการลงทุนยังไม่กระเตื้อง การส่งออกก็ยังไม่ดีขึ้น นักท่องเที่ยวเราก็ยังรออยู่ว่าจะครบ 40 ล้านคนหรือไม่ และจีดีพีก็ยังไม่โต ยังถดถอยอยู่ เพราะภาพรวมของเศรษฐกิจ
“ ผมคิดขณะนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีความจำเป็นต่อเนื่อง เพื่อให้รากหญ้าและคนในชนบทอยู่ได้ ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องของวิชาการ เป็นเรื่องของนักเศรษฐศาสตร์มองต่างมุมกันได้ แต่ที่สุดแล้วคนที่เป็นรัฐบาลก็ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ โดยเฉพาะเมื่อเป็นนโยบายไปแล้วก็คงจะต้องตัดสินใจ ไม่ว่าผลการตัดสินใจนั้นจะเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ
อาจจะเป็นเรื่องที่ดี อาจจะเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จนัก ก็เป็นเรื่องการตัดสินใจของรัฐบาล เพราะฉะนั้นเรื่องดิจิทัลวอลเลตก็ถือว่าเป็นเครื่องมือ และนโยบายอย่างหนึ่งที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งก็พูดคุยกันมานานแล้ว” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากในเรื่องของข้อเท็จจริง ในเชิงนโยบายที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเราก็ต้องมองในมุมของกฎหมายเนื่องจากมีข้อท้วงติงจากหลายหน่วยงาน เพราะฉะนั้นเมื่อได้ตัดสินใจเรื่องดิจิติทัลวอลเลตแล้วเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ควรจะดูมิติของกฎหมายโดยเฉพาะข้อทักท้วงจากหน่วยหรือองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งแต่ละท่านก็มีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว คงจะห่วงใยเรื่องนั้นเรื่องนี้ เมื่อหน่วยงานต่างๆให้ความเห็นครบถ้วนแล้วรัฐบาลก็คงจะได้คำนึงถึงความห่วงใยต่าง ๆและคงต้องมาลงรายละเอียดในมุมต่างๆที่เกี่ยวข้องในทางกฎหมาย
ถ้าจะดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง รัฐบาลก็ต้องคิดว่าดีต่อเศรษฐกิจหรือไม่ การดำเนินการทำไปแล้วโปร่งใส ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย รัฐบาลจะมีรายละเอียดอย่างไรก็ต้องฟัง แต่ความบอบบางของเศรษฐกิจขณะนี้ตนตนคิดว่าเรายังมีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ
“เมื่อตอนเกิดโควิด-19 เราก็ให้เงินไปเที่ยว ตอนนี้ก็คล้ายๆกันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้ให้เงินไปเที่ยว แต่นำไปจับจ่ายใช้สอยตามประเภทสินค้า แต่เป็นเรื่องเดียวกัน เหมือนไทยเที่ยวไทย โหมดให้นำเงินไปท่องเที่ยว แต่ครั้งนี้เป็นโหมดของการนำเงินไปจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ให้มีการกระจายตัวของเม็ดเงิน ความจริงคอนเซ็ปเดียวกัน แต่เปลี่ยนรูปแบบของเป้าหมาย และใช้วิธีการดิจิทัลวอลเลตเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้เราต้องกระตุ้นต่อไป ตัวเลขการลงทุน ส่งออก เรายังไม่สามารถไว้วางใจได้ นักท่องเที่ยวก็ยังไม่เข้ามา” นายสุวัจน์ กล่าว