รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 7 ก.พ. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ยังเกาะติดเหตุการณ์ “ใหม่” หนุ่มโรงงานถูกฆ่าตาย ทิ้งศพริมถนนมอเตอร์เวย์ ก่อนนำไปสู่การจับกุม “ช่างกิต” ชายชู้ของ “พร” ภรรยาของหนุ่มโรงงาน วันนี้สัมภาษณ์ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตตำรวจปราบปรามยาเสพติด ,ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายคนกลาง , พ่อโอ๊ต ติดใจสงสัย ว่าลูกชายไม่น่าเกี่ยวกับร่วมกันฆ่า, ก็อต - นนท์ - ยุทธ เพื่อนสนิทของกิต รู้ว่าคบหากับพรมาตลอด
พ่อเครียดมาก?
พ่อโอ๊ต : ใช่ครับ
พ่อนับญาติกิตยังไง?
พ่อโอ๊ต : แม่ผมเป็นพี่สาวของแม่กิต
พ่อกับกิตเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน?
พ่อโอ๊ต : ใช่ครับ โอ๊ตเรียกกิตว่าอา
วันนั้นทำไมพี่เรวัชถึงบอกให้พรถอดหน้ากาก?
เรวัช : พี่หนุ่มเชิญผมมาในรายการ มาเจอน้องพร ภรรยาคนตาย เขามาในฐานะมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ให้ตร.เร่งรัดจับกุมคนฆ่าสามีเขา สถานะตอนนั้นเป็นอย่างนั้น ผมก็ให้เกียรติ แต่พอสอบถามไป ผมเป็นคนชอบสังเกตพิรุธ ตาชำเลืองซ้ายขวาเป็นนิสัยผมอยู่แล้ว น้องพรมีพิรุธ เริ่มตั้งแต่คุณหนุ่มเปิดภาพว่ามีรถเก๋งสีแดง เขากลืนน้ำลาย ทั้งที่ผู้หญิงไม่มีลูกกระเดือก เขามีพิรุธตรงนั้น คดีนี้ไม่ใช่เรื่องชู้สาวอย่างเดียว ทำไมคนร้ายต้องมัดมือมัดเท้าด้วย ถ้าโกรธนายใหม่อย่างเดียว ล็อกตัวยิงกบาลตรงนั้นก็ได้ ทำไมต้องเอามามัดมือมัดเท้า ทำไมคนร้ายรู้ว่าไอ้นี่เป็นผัวนังพร มันดูรูปจากเฟซ มันหาได้อยู่แล้ว มันก็จัดการเป้าหมายได้อยู่แล้ว ทำไมต้องเอาบัตรประชาชน ทำไมต้องถามใหม่ด้วยว่าชื่อนี้ นามสกุลนี้ใช่มั้ย เพื่อให้ชัวร์ เพราะมันไปเกี่ยวกับเงินประกันชีวิต ผมมองแบบตร. นางพรไม่ได้คบชู้สู่ชาย ผมมองว่าน้องเขาอาจเดือดร้อนเรื่องเงิน มีคนนั้นคนนี้เข้ามา ชั่วคราว 3 ชม. อาจได้ค่าตอบแทนหรือไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่นังพรอาจไปอ้อนนายใหม่ให้ทำประกันชีวิตให้หน่อย เกิดพี่ตายหนูจะทำยังไง ไอ้นี่ก็ใจอ่อนเห็นแก่ตัวทำประกันชีวิตให้ เงิน 1.5 ล้านกับคนต้องกระเสือกกระสนหากินรายวัน ไอ้ใหม่มีรายได้วันละ 340 กว่าบาท เขาเดือดร้อนนะ เป็นหนี้เป็นสิน เขาก็ให้ช่างกิตดูแล กิตนี่ค่าแรงออกให้นังพรมั้ย เขาใช้คำว่าดูแล ผมคิดว่าผู้ชายคนอื่นก็ดูแล อาจจะคนละ 5 พัน สี่คนก็ 2 หมื่นแล้ว นังพรมีพิรุธนะ ผมไม่ให้ไอ้หนูถอดมาสก์ แต่ผมสงสัยเขามาก พอคุณหนุ่มเปิดรถเก๋ง นางพรรู้อยู่แล้วว่ารถกิตชู้ พิรุธออกตรงนั้น ตอนแรกไม่ได้มองประเด็นชู้สาว มองธุรกิจสีเทา เงินกู้หรือเปล่า เพราะมันต้องจับไปรีดเอาข่าว
พี่เรวัชบอกว่า ไอ้หนูนี้ดูแล้วไม่น่าสงสัย แต่ตกใจพอจบรายการ คนอื่นใส่มาสก์อยู่ไม่ให้เขาถอด ให้เมียถอด?
เรวัช : มันต้องจ้องหน้า จะได้รู้ว่าตามีพิรุธอะไร ลูกกระเดือกกลืนน้ำลายมั้ย เวลานั่งซักผู้ต้องหา ถ้าปิด หนูอบอุ่นมั้ย เขาจำไม่ได้เว้ย ใส่แว่นใส่หมวก ใครก็จำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าถอดออกมา นักสืบทุกคน พนักงานสอบสวนเวลาถามก็ต้องคอยพิมพ์คน ต้องให้นักสืบคอยซักถาม ต้องมอง ถึงกับจับตัว ว่าไงน้อง ใจเต้นผิดปกติ ตุ๊บๆ อันนี้เครื่องจับเท็จ โดยใช้ความชำนาญ ถ้าใจเต้นนี่รู้เลย
สามคนเป็นเพื่อนสนิทฝั่งกิตและพร สองคนนี้รู้จักมักจี่กันได้ยังไง?
ก็อต : เริ่มทำงานด้วยกัน เจอกัน ก็เริ่มจีบกับ พี่กิตจีบก่อน
ทำไมกิตชอบพร?
ก็อต : อันนี้ไม่ทราบ ตอนนั้นกิตไม่มีแฟน เขาปรึกษาพี่นนท์
เขาปรึกษานนท์ว่าไง?
นนท์ : เขาถามว่ามีแฟนหรือยัง แต่เขารู้แล้วว่ามีเอกชัย แต่ก็หายไป ก็ให้ผมไปถามว่าเลิกกันยัง จริงๆ พรเปิดเองเลยว่าเขาเลิกกับแฟนแล้ว
จากนั้นกิตก็เดินหน้าเต็มตัว?
นนท์ : ใช่
เรวัช : ทำไมเอ็งไม่จีบ
นนท์ : ผมมีภรรยาอยู่แล้ว
คุณสนิทฝั่งไหน?
ยุทธ : ฝั่งพี่กิต
กิตเขารักพรมากขนาดไหน?
ยุทธ : ปกติเขาเป็นคนนิ่ง ถ้าอยู่กับพรจะไม่สุงสิงกับเพื่อน อยู่แต่กับพรอย่างเดียว ทุกคนรู้หมด
เคยรู้มั้ยพรมีผัวแล้ว?
ยุทธ : ไม่รู้ครับ
ก็อต : ผมก็ไม่รู้ เพิ่งมารู้วันที่เขาออกรายการ ตอนแรกงงมาก ผมจำเขาได้ครับ
จากนั้นได้มีโอกาสคุยกับพรมั้ย?
ก็อต : ไม่ได้คุยกันเลยครับ
รู้เรื่องเขาบอกว่าท้องมั้ย?
ก็อต : รู้ครับ เขาบอกพี่นนท์ก่อน แล้วก็มาบอกผมเองด้วย พรบอกว่าเขาท้อง ให้เตรียมเงินไว้รับขวัญหลาน
เขาไม่ได้พูดกับกิตคนเดียว พูดกับเพื่อนกิตด้วย?
ยุทธ : พี่กิตบอกว่าถ้าพรท้องได้ 4 เดือน เขาจะให้ผมขับรถให้ ตอนนั้นเขาบอกว่าน่าจะท้องได้เดือนนึง เพราะเมนไม่มา
กิตไม่รู้เรื่องใหม่เลยเหรอ?
ยุทธ : ไม่รู้ครับ ไม่มีใครรู้
เขารู้เรื่องใหม่ตอนไหน?
ยุทธ : ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ฝั่งกิตรู้ตลอดว่าพรมีผัวชื่อใหม่ ไม่มีใครรู้เลยเหรอ?
ยุทธ : ไม่รุ้
นนท์ : เรื่องนี้เขาคุยกันสองคน ไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้จริงหรือเปล่า ผมเห็นพรออกข่าวพูดคนเดียวว่าช่างกิตบอกว่ารู้อยู่แล้ว แต่ไม่เห็นมีใครรู้เรื่องเลย
เรารู้มาว่ากิตสืบได้เองแต่เพื่อนไม่มีใครรู้เลยเหรอ?
เรวัช : กิตทำงานได้ค่าแรงวันนึงเท่าไหร่
ยุทธ : วิ่งเป็นเที่ยว เที่ยวละ 700-800 ขึ้นไป เฉลี่ยวันนึง 2000-3000 พรก็เท่ากัน
เราเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กมั้ย?
ก็อต-นนท์-ยุทธ : เป็นกับกิตครับ
มีข้อความที่กิตลงว่า มีผัวไม่มีผล เห็นมั้ย?
นนท์ : ในไลน์กลุ่มครับ สมัยเขาเริ่มจีบกันใหม่ๆ เขาหมายถึงอีกคนที่มาจีบพร ตอนพรเข้ามาแรก ๆจะมีพนักงานในคลังจีบพรด้วย เขามาบอกในกลุ่มว่าไม่ชอบเลย ผมก็ถามกลับไปว่าเขารู้หรือเปล่าว่าเรามีผัว ตอนนั้นเลิกกับเอแล้วนะ พ่กิตเลยแซวคนนั้นว่ามีผัวไม่มีผลหรอก แต่เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่ม
ทนายแก้ว : เฟซบุ๊กกิตเคยลงรูปพรมั้ย
นนท์ : ไม่เคยเห็นครับ
ทนายแก้ว : ถ้ารู้ว่าฝั่งนี้คลีน ทำไมเขาไม่ลงรูป
นนท์ : อันนี้ไม่ทราบเลยครับ แต่มีในติ๊กต๊อก ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ทั้งเฟซบุ๊กและติ๊กต๊อกไม่น่าจะลงรูปคู่พรระหว่างคบครับ
มันก็แปลก สงสัยว่ามนุษย์คลั่งรักอย่างกิต ยังไงก็ต้องลงรูปแฟน?
ทนายแก้ว : ถูกครับ เพราะเขารู้ว่าฝั่งโน้นไม่มีใคร อีกอย่างระหว่างการคบใครก็ตาม เขาชนะ ยิ่งต้องประกาศให้รับทราบ
ธรรมดาเขามีอะไรเขาบอกเรามั้ย?
นนท์ : บอกครับ
ถ้าเขารู้ว่าพรมีผัวอยู่แล้ว เขาจะมาระบายกับเรามั้ย?
ก็อต : มีช่วงที่จับได้ชื่อเอ เขาบอกอยู่ครับ แต่เขาบอกเขาเคลียร์กันแล้ว
ที่สัมภาษณ์งงตรงนี้ กิตคลั่งรักมาก ทะเลาะกับพร เรื่องพรมีเอกชัย ฝั่งกิตทะเลาะแล้วมาระบายให้คนพวกนี้ฟัง ขณะเดียวกัน ถ้าฝั่งกิตรู้ว่าพรมีใหม่อีกคน พรก็ต้องบอกกลุ่มนี้สิ แต่นี่เขาไม่ได้มาบอก มันจะเก็บความลับไว้คนเดียวเหรอว่าพรมีผู้ชายอีกคน ไม่บอกเพื่อนดีกว่า เป็นไปได้เหรอ หรือจะไม่รู้ มารู้จากใครคนใดคนหนึ่งที่ไปบอกหรือเปล่า?
ทนายแก้ว : ผมว่าเขาน่าจะทราบว่ามีสามีตอนที่ใกล้จะเกิดเหตุฆ่ากันแล้วมากกว่า
เรวัช : เรื่องลึกลับใต้สะดือช่างมัน แต่ตอนนี้ภารกิจของตร. ต้องพยายามหาพยานหลักฐาน ไปซื้อเชือกที่ไหน ยิงตรงจุดไหน เจอรอยคราบเลือดมั้ย แรงจูงใจในการวางแผนฆ่า เงินประกัน ทำไมนังพรไปเอากับนายกิต ไปเอากันที่ไหน ทำไมคนตาย นายใหม่ออกปุ๊บ ให้คีย์การ์ด ซึ่งสำคัญมากนะ ทั้งที่ตัวเองใช้คีย์การ์ดเข้าออก ไอ้นี่ทำประกันชีวิตได้สามเดือน ก็เริ่มบอกคีย์การ์ดหายแล้ว เอาคีย์การ์ดให้ไอ้นี่ ผมมองว่าน้องเขาเป็นตัวต้นเรื่อง ไม่ใช่ผู้ชายหึงไปฆ่ากันนะ ไอ้กิตเป็นคนโง่คนนึงเท่านั้นแหละที่ลงมือ นังพรไม่ได้รักไอ้กิตหรอก แต่มองว่าน้องเขาต้องการเงิน ไอ้กิตก็เข้าคุกไป แต่ไม่ได้วางแผนให้ไปฆ่านะ อุ้มเอาไปเผาเลย จะได้ไม่เห็นศพก็ได้ เพราะนังพรพยายามแสดงถิ่นที่อยู่ว่าผมไม่เกี่ยวข้องนะ เอาอีกคนเข้าไปนอน ขณะที่ใหม่ออกจากบ้านแล้ว นังพรให้คีย์การ์ด ให้ช่างกิตมาประกบ ขับรถตาม รู้ว่าเริ่มปฏิบัติการแล้ว ช่วงเวลาปฏิบัติการ คือออกจากบ้านไปออกขึ้นรถบัสแต่นังพรเดี๋ยวตกกระไพพลอยโจร ก็ต้องเอาไอ้นี่มานอน ไม่ใช่อยาก หรือมีอารมณ์หรอก
แต่พรไม่ได้เปิดว่าเอกชัยคบเขานะ?
เรวัช : ก็มันเอามานอน ในขณะที่กิตประกบตัวใหม่ไป เขาไม่ได้เกี่ยว เขานอนเอากับไอ้นี่อยู่ เขาพูดไม่ได้เพราะจะกลายเป็นเรื่องชู้สาว แต่ให้การกับตร.ได้ ก็มาดีแคลร์ให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ หลังจากนั้น 3 ชม. ไอ้นี่ออกไป มันนอนไม่หลับ เพราะน่าจะรู้ว่ามีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้นแล้ว เดี๋ยวตร.สงสัยเขาอีก นอนอยู่ในบ้าน ไม่มีพยานมายืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองได้ เลยต้องสร้างแชตไลน์หลอก อาจคุยเองสองเครื่องด้วยตัวเองก็ได้ หรืออาจให้กิตเป็นคนคุยก็ได้
แต่ตรงนั้นตร.บอกว่าฝั่งกิตแชตมาคุยเอง?
เรวัช : ไม่รู้รายละเอียดในสำนวน ผมไม่ได้ถามน้องเขานะ เพราะมันพูดไม่ได้ แต่คุณคิดเหรอว่าน้องพรเป็นห่วงนายใหม่จนกระทั่งขับมอเตอร์ไซค์ไปหา น้องพรพูดเองตรงนี้ว่าใหม่เดือนธ.ค.ไม่ค่อยกลับบ้าน ออกเวรเที่ยงคืน ก็กินเหล้ากับเพื่อนยันเช้า แล้วคุณบอกไม่กลับบ้าน ทำไมคุณโทรแล้ว แชตไลน์ได้แล้ว ทำไมไม่ขี่ไปตามที่โรงงาน ผมคิดภาษาตำรวจ กิตฆ่าไอ้ใหม่แล้ว แต่จะเอาศพไปทิ้ง จะมีเด็ก 4 คนไปด้วยหรือเปล่าไม่รู้ พรขับรถไปดูสิมีรถตร.มาอยู่แถวนี้มั้ย มีใครมาตั้งด่านแถวนี้มั้ย จะเอาศพไปทิ้ง
วันนี้พี่เรวัชบอกว่าอย่าตัดประเด็นเรื่องชู้สาว วันนี้มันก็ออกไปทางนั้น พรคบหาผู้ชาย 3 คน คนแรกคบ 17 ปีคือใหม่ คนที่สองคือเอกชัย คบ 4-5 เดือน ส่วนกิต คบได้ 2 เดือน ก่อนหน้านี้กิตคิดว่าพรคบหากับเอกชัยคนเดียว ก็เลยให้นนท์ไปถามพรว่าพรเลิกกับเอกชัยหรือยัง พรออกตัวว่าเลิกไปแล้ว กิตก็เลยมาจีบพร โดยไม่รู้ว่าพรคบหากับเอกชัยและใหม่ผัวคนแรกอยู่ด้วย วันดีคืนดีไปจับได้ว่าพรยังคุยกับเอกชัย ข้อเท็จจริงคือเขาไม่เคยเลิกกับเอกชัย กิตไม่เคยรู้กิตนำข้อมูลทั้งหมดไปปรึกษาเพื่อนว่าพรมีผู้ชายอีกคนที่ยังไม่ยอมเลิก คือเอกชัย ทั้งที่ตัวกิตไม่เคยเอ่ยถึงใหม่ กิตไม่เคยรู้เรื่องใหม่เลย นี่สันนิษฐานเองนะ ฝั่งพรก็ไปเคลียร์ จนคบหากันต่อ แต่คำถามคือถ้าคนอย่างกิตเคยปรึกษาเพื่อนๆ ว่าพรคบเอกชัย ถ้ารู้ว่าพรคบหากับใหม่ เขาจะไม่เล่าให้พวกคุณฟังเหรอ คิดว่าถ้าเขารู้ว่ามีเรื่องใหม่ เขาจะเล่ามั้ย?
นนท์ : เล่าครับ แต่นี่ไม่เคยเลย
คิดว่ากิตรู้มั้ยว่าพรมีผัวชื่อใหม่?
นนท์ : อันนี้ไม่ทราบ แต่ว่าชื่อจริงใหม่มาตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครงาน เขาเอาชื่อกิตมาใช้เป็นชื่อวิ่งงาน ไม่ใช่ตัวเขา กิตก็รู้ เขาบอกเป็นชื่อสามีเก่า เลิกกันไปนานแล้ว เอาชื่อมาใช้เฉยๆ ตอนนี้อยู่กับพ่อ
เขาสืบมั้ย เพื่อนของใหม่เมื่อวานที่มา บอกว่าเหมือนมีบัตรประชาชนไปอยู่ในโทรศัพท์ของกิตด้วย?
นนท์ : อันนี้เพิ่งรู้ในข่าว พวกเราไม่มีใครรู้
เรวัช : มันเอาจากที่สมัครงาน ใครเป็นหัวหน้า
นนท์ : ผมครับ
เรวัช : ตอนพรสมัครงาน มันเอาบัตรใครมา
นนท์ : บัตรของใหม่ครับ
เรวัช : แสดงว่าสำเนาบัตรประชาชนที่อยู่ในโทรศัพท์กิต อาจหลุดจากบริษัทได้หรือเปล่า
นนท์ : ไม่น่าใช่ครับ เพราะช่างกิตไม่สามารถเข้าไปฐานข้อมูลบริษัทได้ มีแค่ระดับแอดมินข้างบนและเจ้าของบริษัทที่เข้าได้ ผมเป็นคนดูแลทั้งหมด เป็นรูปจากบัตรประชาชนตัวจริง พรส่งมาให้ทางแชตไลน์ ใช้ชื่อนี้สักอาทิตย์นึง พอเปลี่ยนเป็นชื่อเขา เขาก็ยกเลิกข้อความทั้งหมดออกไป บอกให้ลบชื่อนี้ให้ด้วย พรเป็นคนถ่ายบัตรส่งมาให้ เพื่อสมัครงาน
กิตต้องได้บัตรจากแหล่งอื่น ใครส่งให้ก็ไม่รู้?
นนท์ : ใช่ครับ
เคยสงสัยมั้ยว่าตัวพรเองจะมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้?
นนท์ : อาจจะครับ อาจจะรู้ แต่ไม่ถึงฆ่าหรือเปล่า
เรวัช : ทำไมมันต้องมัดมือมัดขา
นนท์ : อันนี้ผมไม่ทราบครับ
เรวัช : ถ้าเป็นไอ้กิต ต้องมัดมืดมัดขาเหรอ ทำไมต้องเตรียมเชือกด้วย
ทนายแก้ว : ถ้าถามผม ผมเข้าใจว่าการมัดมือมัดขาช่วงนั้น จะมีการเจรจาต่อรองกันก่อน มีการพูดคุยกับผู้ตายก่อน
ไม่ใช่อย่างนั้น จากการอ่านข่าวและแหล่งข่าว ทั้งหมด 5 คนที่ไป กิตขับรถ อีก 4 คน ประกอบด้วยสุขสงกรานต์ ลูกน้องกิต , นายแท็ป ลูกน้องกิต , นิว แฟนแท็ป , โอ๊ต ซึ่งเป็นหลานของกิตไปด้วย พอไปถึงฝั่งกิตก็รอรถคันนี้ จอดปาดเขา รถล้ม ให้โอ๊ตลงไปเอารถ แล้วขี่ตาม บนรถเหลืออยู่ 5 คน รวมใหม่ หลังจากนั้นเขามีการเคลียร์บนรถ มีการไปส่งแท็ปกับแฟนลง สุขสงกรานต์ก็ลงไปด้วย ในรถก็เหลือสองคน ตอนนั้นเขาบอกยังไม่ได้มัด ก็เหลือใหม่กับกิตสองคน เสร็จแล้วถึงยิง ท่านผู้การบอกว่าตร.สงสัยข้อนี้มากว่าใครเป็นคนจับมัด เพราะลำพังกิตไม่น่าเอาใหม่อยู่เพราะตัวเล็ก?
เรวัช : มันให้การสารภาพว่ายิงในรถ แล้วเจอคราบเลือด แล้วจะไปมัดทำไม คนเดียวมัดไม่ได้หรอก
ทนายแก้ว : ถ้าเขาเสียชีวิตแล้วอาจจะมัดได้
แต่จะมัดทำไม เพราะเอาศพไปทิ้ง?
ทนายแก้ว : อาจจะอำพรางรูปคดีก็ได้
เรื่องยังไง?
พ่อโอ๊ต : โอ๊ตเล่าให้ฟังว่ากิตชวนว่าไปเอารถมอเตอร์ไซค์หลุดจำนำกับอาหน่อย เพราะกิตรับจำนำรถอยู่ แล้วก็นัดกันไป โอ๊ตนั่งเล่นโทรศัพท์หลังเบาะ พอเขาปาด ได้ยินเสียงอากิตบอกว่าโอ๊ต โอ๊ตก็เข้าใจว่าให้มาเอามอเตอร์ไซค์คันนี้ คิดว่าเขาไม่จ่ายเงินหรือยังไง โอ๊ตก็เลยขี่กลับบ้าน ที่อยู่หลังอู่
โอ๊ตได้เล่าเรื่องการมัดมือมัดเท้ามั้ย?
พ่อโอ๊ต : ไม่ได้เล่าเลยครับ เพราะผมถามว่าถ้าไปแตะเนื้อต้องตัวเขาจะมีลายนิ้วมือติดอยู่ ได้แตะตัวเขามั้ย ถามจริงๆ เลย เขาบอกว่าไม่เลย ไม่ได้แตะตัว เขายืนยันมาแบบนั้น
เป็นประเด็นใหม่ บัตรประชาชน ทำไมพรต้องเอาชื่อใหม่ไปสมัคร ทำไมอยู่ดีๆ ลบบัตรนั้นไป แล้วทำไมอยู่ดีๆ ไปโผล่ในโทรศัพท์ของกิต เขาบอกมั้ยทำไมต้องเอาชื่อใหม่ไปสมัคร?
นนท์ : เขาบอกชื่อเขาติดอยู่อีกซับนึงเขายังไม่เอาออกให้ เลยเอาชื่ออีกคนมาวิ่งก่อน มาสมัครก่อน ซึ่งปกติก็เป็นกันอย่างนั้น เหมือนเขาลาออกแต่ยังไม่ถึงกำหนด ก็หาชื่อคนอื่นมาวิ่งก่อน
แต่ยืนยันว่าบัตรประชาชนของใหม่ที่พรส่งให้คุณ ไม่สามารถหลุดไปได้แน่นอน?
นนท์ : ใช่ครับ เพราะกิตไม่สามารถเข้าฐานข้อมูลบริษัทได้
คิดว่ากิตเอามาจากไหน?
นนท์ : อาจมาจากพร เขาอยู่ด้วยกันทุกวัน
เรวัช : แล้วเขาไปเอากันที่ไหน
นนท์ : บ้านกิตอย่างเดียวเลยครับ พรไปทุกวัน วิ่งงานเสร็จก็ไปทุกวัน
พ่อมั่นใจว่าโอ๊ตไม่ได้มีส่วนร่วม?
พ่อโอ๊ต : มั่นใจครับ ผมถามโอ๊ตว่ารู้จักพรมั้ย โอ๊ตบอกว่าไม่รู้จัก
คิดว่าโอ๊ตรู้มั้ย?
นนท์ : ต้องรู้ เพราะเจอกันทุกวัน
วันที่พ่อบอกว่าโอ๊ตนั่งรถโดยกิตบอกว่าจะไปเอารถหลุดจำนำ แต่โอ๊ตไม่สงสัยเหรอ ตอนกิตเอาคีย์การ์ดไปแตะเข้าหมู่บ้านคนอื่น ได้ถามมั้ย?
พ่อโอ๊ต : ไม่ได้ถาม เขาคงไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น
คนสี่คนในรถต้องสงสัยนะ จะไปเอารถจำนำ ทำไมต้องไปในบ้านนี้?
เรวัช : ถ้าไปเยี่ยมลูกในเรือนจำ ก็บอกว่ามาคุยกับพ่อ ให้บอกข้อเท็จจริง ไม่ต้องบอกตร.หรอก ให้บอกพ่อจะเป็นผลดีกับเด็ก เพราะเด็กไม่ใช่คนลงมือฆ่า โอ๊ตอาจรู้เห็นด้วยซ้ำไป กิตอาจมาเล่าให้ฟัง ว่านางพรวางแผนฆ่าใหม่ ตร.อาจกันเป็นพยานก็ได้ จะรอดคุกเอา ถ้ามีประโยชน์เชื่อมโยงไปถึงผู้บงการ ตร.จะกันเป็นพยาน ไปคุยกับลูกเถอะ
ตอนนี้สังคมสงสัยสองสามอย่าง ใครเป็นคนมัด คิดว่ากิตมัดคนเดียวเป็นไปไม่ได้?
เรวัช : จะมัดคนจะจับคน ใส่กุญแจมือง่ายกว่ามัด สามสี่คนบางทีเอาไม่อยู่เลย อย่างที่ทนายแก้วบอกว่ายิงตายแล้ว แล้วค่อยไปมัด ก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผล ยิงตายแล้วจะไปมัดทำไม
เท่าที่ทราบมา 4 คนบอกว่าเขาไม่ได้มัด ต่างคนต่างยืนยันว่าไม่ได้มีการมัดตัว แต่สภาพศพมัดมืดและมัดขาด้วย คำถามคือใครจะเป็นคนมัด ถ้ามีคนร่วมมัดด้วย คนนั้นก็หนักเหมือนกัน?
เรวัช : ผมสงสัยโอ๊ต ลูกคุณมากที่สุด หนึ่งเป็นหลาน ใกล้ชิด อยู่บ้านหลังเดียวกัน หลังได้ตัวไอ้นี่มา ปืนบังคับแล้ว เอารถมาจอด เพื่อเอาตัวใหม่เข้ามาที่บ้านก่อน ครั้งแรกอาจพูดคุยว่ามึงหย่ากับเมียมึงนะ ถ้าจะมัดใหม่ กิตก็ต้องวานหลาน ให้ช่วยมัดที หนูๆ ที่ไปร่วมทั้งสี่คน ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่รู้ไม่เกี่ยวอะไร ทำให้ศาลลงโทษหนักนะ ต้องเอาความจริงมาบอกกัน กิตให้การซัดทอดไปที่เด็กอีก 4 คน ในเมื่อมันขอร้องให้เขามาช่วย มาร่วมมือกัน ผมคิดว่าไอ้กิตคงไม่ได้ซัดทอดเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด แต่ถ้าไอ้กิตให้การว่าผมไม่ได้ฆ่าเลย โอ๊ตเป็นคนฆ่า แต่นี่เขาให้การว่าไอ้พวกนี้ร่วมมือด้วย เพราะเขาหวังว่าจะได้รับการลดโทษ ให้การสารภาพไปตามข้อเท็จจริง แต่เด็กพวกนี้ยังตกใจกันอยู่ ก็ให้การสะเปะสะปะ ต่างคนต่างบอกไม่รู้เรื่อง โดนหลอกไป ผมมองจะไปไม่รอด ต้องเอาความจริงมาพูดกัน คดียังไม่สรุป แต่ถ้าผมสงสัย คนไปกับเมีย ไอ้นี่อาจกลับออกมาก่อน เพราะถ้าจะไปก่อเหตุอุ้มคนฆ่าคน คงไม่เอาแฟนไปด้วย ตัวนี้อาจจะเบา
คนนี้ชื่อแท็ป กลับไปก่อน ตอนนี้ใหม่ยังมีชีวิตอยู่ในรถ?
เรวัช : ผมสันนิษฐานเอาเอง ถ้าจะไปก่อเหตุ คงไม่เอาแฟนหรือเมียไปด้วย อาจติดร่างแหไปกับเขา แต่คนน่าจะรู้เรื่องตั้งแต่ไปอุ้มไอ้นี่ เอามาคุยกัน คือโอ๊ต เดี๋ยวคดีจะคลี่คลาย ตร.ได้สื่อมวลชนช่วยด้วย หลายช่องช่วยกัน ตร.ก็จะมาปะติดปะต่อข้อมูลทั้งหมด เพื่อรวบรวมให้ศาลพิจารณาออกหมายจับคนร้ายที่เหลืออีกที
ทนายแก้ว : อยากให้หลักกฎหมาย กรณีใดที่เรียกว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด กฎหมายมองว่าบุคคลนั้นต้องรู้องค์ประกอบความผิด และมีเจตนา และมีการใกล้ชิดการกระทำครั้งนั้น สมมติกรณีโอ๊ต ถ้าอยู่นอกเหตุการณ์ ไม่ได้เกี่ยวกับความตาย ยังไงตัวการร่วมในการฆ่าก็ตัดไปก่อน ก็จะเหลือกักขังหน่วงเหนี่ยว ปล้นทรัพย์ แต่ถ้าบุคคลใดมีส่วนร่วมและอยู่ในเหตุการณ์พร้อมช่วยเหลือแบบนี้ถือว่าเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดฐานนั้นๆ ไป ต้องแยกเป็นเรื่องๆ กรณีแบ่งได้หลายความผิด มีทั้งหน่วงเหนี่ยวเสรีภาพ ปล้นทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ มีการฆ่า ต้องถามว่าใครอยู่ช่วงไหนบ้าง ศาลจะพิจารณาแยกเป็นช่วงๆ ไปครับ
วงจรปิดที่มีคนเอาของไปทิ้งเป็นโอ๊ตหรือเปล่า?
ทนายแก้ว : ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์หลังฆ่าใหม่แล้ว แล้วมีการร่วมกันทำลายซ่อนเร้นศพ ก็จะเป็นตัวการร่วมได้ครับ
ลูกของพ่อบอกมั้ยเขามีการชำแหละมอเตอร์ไซค์?
พ่อโอ๊ต : เขาบอกครับ แต่บอกว่าอากิตเป็นคนสั่งให้ทำ
ทุกครั้งที่ยึดมาได้ต้องชำแหละเหรอ?
พ่อโอ๊ต : ไม่ทุกครั้งครับ
โอ๊ตก็เอาไปทิ้ง?
พ่อโอ๊ต : โอ๊ตบอกว่าอากิตสั่งให้เอาไปทิ้ง
ทนายแก้ว : กรณี้ถือว่าร่วมครับ เราสามารถปฏิเสธได้ แต่เราไม่ปฏิเสธ เรารู้ทั้งรู้ว่าพฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมกระทำความผิด แยกชิ้นส่วนรถแบบนี้ถือเป็นตัวการร่วม โทษเสมือนตัวผู้กระทำความผิดได้ครับ
ทำไมโอ๊ตไม่กล้าขัดใจอากิต?
พ่อโอ๊ต : ความเป็นอาหลานครับ
ทนายแก้ว : จริงๆ เขาน่าจะถามกลับไปได้นะ
พ่อโอ๊ต : โอ๊ตเป็นคนใจอ่อน
เรวัช : เชื่อว่าโอ๊ตรู้แผนตั้งแต่แรกว่าจะไปอุ้มไอ้ใหม่ แต่ไอ้โอ๊ตอาจเสื-กไปชวนเพื่อนมาด้วย ให้คนอื่นไปเป็นเพื่อนกันหน่อย มันต้องรู้แผน เป็นอาหลานอยู่บ้านเดียวกัน หรือแผนอาจไปคุยกับนังพรด้วยหรือเปล่า มันถึงให้บัตร ให้คีย์การ์ด ที่จริง กิตนี่เข้าไปหมู่บ้านนางพรได้ แลกบัตร แต่กล้องวงจรปิดจะเก็บภาพเป็นพยานหลักฐาน นังพรเลยให้คีย์การ์ด
ทนายแก้ว : จังหวะที่มีการจับใหม่ขึ้นรถ คนที่อยู่ในรถสี่คนรวมใหม่ ยังไงก็ต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่นั่งกันเงียบๆ หรอกครับ ต้องโวยวาย ต้องทะเลาะกัน
เรวัช : ไม่ใช่ไปขับรถจอดแล้วคุยกัน มันกระแทกล้มไป ก็รู้แล้วว่าไปชนเขาล้ม
โอ๊ตลงไปไม่เห็นใหม่เหรอ?
พ่อโอ๊ต : เห็นครับ แต่โอ๊ตเข้าใจว่าให้มาเอารถ
เรวัช : นั่นเป็นคำให้การเขา ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ ผู้ต้องหานั่งในรถ 5 คน รู้อยู่แล้ว ผมคิดว่าคนลงไป น่าจะมีปืน ไม่ได้ใสร้ายลูกพ่อนะ น่าจะมีอาวุธบังคับให้ขึ้นรถ เพราะอยู่เฉยๆ ชนผมล้ม แล้วจะมาอุ้มผม ถ้าเป็นกู้ภัยผมถึงจะยอมขึ้นรถ แต่ไอ้นี่จะมาเอาผมไปไหน ผมก็ต้องสู้ มันต้องมีอาวุธบังคับ
ทนายแก้ว : เข้าใจว่าบุคคลในรถต้องทราบ ว่ามีการลักพาตัวกันแน่นอน ยังไงข้อหาแรกที่สี่คนนี้ต้องโดนร่วมกันคือร่วมกันลักพาให้สิ้นเสรีภาพ แต่กรณีไปถึงอู่แล้วมีการมัดมือมัดเท้า ผมว่าตร.ต้องขยายผลครับ
เรวัช : ผมมองว่าปล้นสำเร็จ ตั้งแต่โอ๊ตไปเอารถเขาแล้ว ชิงทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ไปเอารถเขา เอาทรัพย์เขาไปแล้ว คดีแรกโดนแล้ว
แต่ประเด็นคือในเมื่อโอ๊ตบอกว่าถูกสั่งให้ไปเอารถหลุดจำนำ แต่มีการเอาตัวคนขึ้นรถไป ไม่จำเป็นต้องเอาตัวคนขึ้นรถนี่ แต่นี่แสดงว่าโอ๊ตก็ต้องรู้แล้วเอาตัวเขาไปไหน?
พ่อโอ๊ต : เอาไปคุยกัน
เขาก็ต้องคุยเรื่องพร ความสัมพันธ์ระหว่างพรกับกิต ซาบซ่านถึงขนาดไหน?
นนท์ : เขาไปบ้านช่างกิตทุกวัน ไปมีอะไรกันประมาณนั้น กิตเคยบ่นว่าผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ดุมาก พักใหญ่มากๆ พรถึงจะเดินออกมา
เรวัช : คำให้การของคุณทำให้น้ำหนักของพรที่พูดว่ามีผู้ชายหลายคนเพื่อต้องการเงิน ชัดเจนเลยนะ
นนท์ : พรใส่ผ้าขนหนูออกมาทุกเย็นเพื่ออาบน้ำ กลับบ้าน 5 โมงเย็นทุกวัน
กิตเคยร้องขอชีวิตมั้ย?
นนท์ : ไม่ทราบครับ (หัวเราะ)
เขาไปที่บ้านกิตกี่โมง?
นนท์ : แล้วแต่วัน ถ้าวันไหนวิ่งงานน้อย ประมาณ 9 โมงก็ไปแล้ว
กะดึก 4 ทุ่ม เอกชัยต้องเข้าบ้านพรนะ?
นนท์ : บางวันช่างกิตก็ไปบ้านพร สี่ทุ่มเหมือนกัน
คุณพระ! แล้วใหม่ล่ะ ใหม่น่าสงสารมาก มันอัปปรีย์ตรงที่วันที่ผู้ชายออกจากบ้าน แต่เมียเอาผู้ชายมาเอาบนเตียงนั้น แล้วไม่ใช่คนเดียว ผัวกลับมาก็นอนพักบนเตียงนั้น มุมผู้ชายมันเจ็บปวด แล้วตัวเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าเมียกำลังสมสู่อยู่กับคนอื่น สุดท้ายตัวเองต้องตายด้วยน้ำมือผู้ชายที่สมสู่ตัวเอง?
เรวัช : ถ้ากิตบอก ผมคิดว่าใหม่อโหสิอีก
ถ้าวิญญาณใหม่อยู่ ผมก็เชื่อว่าใหม่เขาให้อภัยพร ต่อให้สมมติว่าแม้กระทั่งพรมีส่วนรู้เห็นหรือไปบงการ ใหม่เขาเป็นวิญญาณเขาก็ให้อภัย เพราะใหม่รักพรมาก ให้อภัยมากี่ครั้ง วันดีคืนดีเพื่อนใหม่เห็นพรไปคบหาผู้ชาย บอกใหม่แต่ใหม่ไม่เชื่อ ใหม่ก็รู้แต่ให้อภัย นั่งกินข้าวอยู่ไม่ต้องไปหาพรนะ พรส่งข้อความมาว่าไม่รักพรแล้วเหรอ เพื่อนบอกว่าถ้าไปเป็นหมานะ เพื่อนบอกเพื่อนเห่าอยู่ทุกวันนี้ เพราะใหม่ไปหาพรเลย ทำให้เพื่อนตีตัวออกห่างออกมา คิดดูว่าเขารักขนาดไหน?
เรวัช : มึงอย่าไปบวชนะอีหนู เดี๋ยววัดแตก ผมมองประเด็นเกี่ยวกับคดี วันที่กิตประกบตามใหม่ ทำไมต้องเอาผู้ชายอีกคนมานอนในบ้าน ผมมองว่านางพรเพื่ออ้างถิ่นที่อยู่ อ้างผู้ชายเป็นพยานมั้ย เขาอาจมีความต้องการทางเพศรุนแรง เลยต้องเอาตลอดเวลา ทำให้เอามาวิเคราะห์อีกที
พ่อเคยสงสัยมั้ยว่าลูกชายบอกไปยึดรถที่เอาไปจำนำ แล้วมันจำเป็นต้องชำแหละรถด้วยเหรอ?
พ่อโอ๊ต : ผมก็ถามอยู่ แต่เขาบอกอย่างเดียว่าอากิตบังคับ
เขารู้มั้ยอากิตก็โยนให้เขาเหมือนกัน?
พ่อโอ๊ต : เขาก็รู้ เขาก็เสียใจ ความเป็นอาหลานกัน ไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวเขาไปเกี่ยวข้องด้วย
พ่อทราบมั้ยตอนนี้โอ๊ตเสียเปรียบคนอื่นที่สุด เพราะไม่มีกล้องวงจรปิดอยู่เลย ไม่สามารถเห็นพฤติกรรมของเขาว่าไปอยู่ตรงไหน ทำอะไร ซึ่งต่างจากสุขสงกรานต์ แท็ป นิว ที่มีภาพวงจรปิดยืนยันได้ว่า ช่วงเวลาเขาลงเขาอยู่จุดไหน แต่โอ๊ตไม่มี จะมีก็เพียงหนึ่งเดียวที่พ่อสู้ได้ คือตอนโอ๊ตกลับไปที่อู่ มีชายคนนึงใส่เสื้อสีชมพูเดินไปที่อู่ของกิต ตอนแรกชายคนนี้ถูกสงสัยมากว่าจะเกี่ยวข้องหรือเปล่า จะเป็นคนที่ไปมัดมือมัดเท้าหรือเปล่า แต่ปรากฏชายคนนี้ติดต่อมาทางเรา บอกว่าผมไม่ใช่ วันนั้นไปหาโอ๊ต เพราะจะไปยืมเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะใช้ทำรถ เขาบอกเขาเห็นโอ๊ตขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน เขาก็เลยขี่ตามไป จนกระทั่งถึงเซเว่นไปคุยกับโอ๊ต โอ๊ตบอกให้มารอที่บ้าน แต่ที่เขาสงสัยโอ๊ตมาถึงบ้านแต่ไม่ให้เขาเข้าบ้าน เขาบอกเขาโคตรสงสัยเลย เพราะทุกครั้งที่มาบ้านโอ๊ต โอ๊ตต้องให้ผมเข้าบ้านทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่ไม่ให้เข้าบ้าน เขาสงสัยมาก เขายืนยันว่าไม่ใช่เขา เขาต่อว่านักข่าวด้วยว่าอย่าไปบอกว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องนะ พ่อทราบเรื่องนี้มั้ย?
พ่อโอ๊ต : ไม่ทราบครับ เสื้อสีชมพู ผมก็ไม่รู้จัก
เขาบอกว่ามาขยี้ข่าวมั่วซั่ว?
เรวัช : ติดยาม้าหรือเปล่า
พ่อโอ๊ต : ไม่ครับเขากินแต่น้ำท่อม
เรวัช : ไปเอาน้ำกระท่อมหรือเปล่า
เขาบอกว่าเขาสงสัยทำไมไม่ให้เขาเข้าไป ทุกครั้งโอ๊ตต้องให้เขาเข้าบ้าน โอ๊ตอยู่กับใครในบ้าน?
พ่อโอ๊ต : ธรรมดาอยู่กับย่า ที่เป็นแม่อากิต
ทนายแก้ว : โอ๊ตน่าจะไม่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมดแน่ๆ
เรวัช : ยัง เขาเล่าหน่อยเดียว เป็นธรรมดาผู้ต้องหา
ทนายแก้ว : โอ๊ตอาจมีส่วนมัดมือมัดเท้าได้ กิตขับรถมาที่บ้าน โอ๊ตขับรถมาได้มีการช่วยกัน จุดนี้ใกล้ชิดมาก กรณีนี้ผมว่าโอ๊ตน่าจะใกล้ชิดการไปผูกมัดมือมาก
เรวัช : พ่อลองไปถามโอ๊ต ถ้าผมเป็นกิต ผมไว้ใจโอ๊ตที่สุดเพราะเป็นหลาน ลองไปคุยเผื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ณ เวลานี้สื่อมวลชนขุดคุ้ย โดยเฉพาะโหนกระแส
พ่อโอ๊ต : อยากให้เอาเชือกมาตรวจ ว่ามีดีเอ็นเอมั้ย
เรวัช : อะไรที่เป็นเรื่องในสำนวน ตร.พูดไม่ได้หรอก ผมพูดได้เพราะเป็นนักวิจารณ์ เกษียณมาแล้ว โอ๊ตบอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่ตร.ได้ดีเอ็นเอจากเชือก จะได้เอาโทษประหารไปเลยไง ปฏิเสธได้เลยเป็นสิทธิ์ของเรา แต่ถึงเวลาในชั้นศาล ตร.บอกว่าดีเอ็นเอโอ๊ตครับ แค่นั้นก็น็อกครับ จบข่าวเลย
คุณอาร์มที่ลงพื้นที่บอกว่าจับเชือกทุกคน เขาอ้างว่าหยิบเชือกมาดูทุกคน ฉะนั้นอาจเป็นการป้องกันว่ามีรอยนิ้วมือทุกคน?
เรวัช : รอยนิ้วมือมันตรวจไม่ได้หรอก แต่ดีเอ็นเอมันติด จะได้อ้างว่าหยิบมาดูทุกคน
ทนายแก้ว : มันมีฎีกาอยู่สองฎีกา เป็นแนวคำพิพากษา ที่แสดงให้เห็นว่าอะไรคือแบ่งหน้าที่กันทำ อะไรคือการใช้ตัวการร่วม ศาลได้วิเคราะห์ว่ากรณีนี้ต้องใกล้ชิดกับการกระทำความผิด มีเจตนา และสามารถช่วยเหลือทันท่วงทีในการกระทำความผิด ก็กลับมาที่โอ๊ต มีการมัดมือ ถ้าช่วยส่งเชือกให้กิตในการมัดแบบนี้ถือว่าเป็นตัวการร่วม อยากให้พ่อไปบอกลูกให้เล่าความจริงมา เพราะการรับสารภาพศาลจะบรรเทาโทษให้ คดีนี้โทษประหารชีวิตอย่างเดียว ฆ่าคนโดยการไตร่ตรอง กรณีการรับสารภาพอาจเป็นเหตุศาลเห็นก็แล้วแต่ แต่ต้องเป็นประโยชน์ในรูปคดี
เรวัช : พวกนี้อาจช่วยกันจับมัดในรถเลย ไม่มีเหตุผลที่จะไปจับเชือกมาดูทุกคน
ผมไม่รู้ใครเป็นคนมัด แต่เชื่อว่าใหม่น่าจะถูกมัดก่อนถูกยิง เพราะก่อนคนพวกนี้จะลงไป ใหม่ต้องถูกมัดอยู่แล้ว ลำพังกิตนั่งกับใหม่สองคน ผมว่ากิตโดนกระทืบตายอยู่ตรงนั้น ใหม่ต้องหนีลงจากรถอยู่แล้ว ไม่มีทางนั่งอยู่เฉยๆ ยังไงก็ต้องสู้ ต่อให้เห็นว่ามีปืน ใหม่ก็ต้องแย่ง ทางเดียวที่ใหม่จะไม่สามารถสู้กิตได้เลย คือใหม่ต้องถูกมัดเอาไว้ ฉะนั้นไม่มีทางที่กิตจะมัดมือใหม่ได้ ผมว่าน่าจะ 4 คนนี้ร่วมกันหรือใครคนใดคนหนึ่ง?
เรวัช : พอเอาตัวขึ้นรถ เอาปืนจี้ ก็มัดก่อน กันใหม่สู้ อันนี้จะสมเหตุสมผล กลัวสู้ แย่งพวงมาลัยกันในรถ เดี๋ยวกลายเป็นโทษหนัก ไปอ้างว่าหยิบเชือกมาดู
วันนี้ตร.ยังไม่ได้ตัดพรออกนะ พรยังอยู่ แต่ยังไม่มีหลักฐานไปถึงตัว สองมีคนที่ไปร่วมอีก 4 คนว่าจะหลุดหรือไม่หลุด ถ้าเขาทำผิดจริงแล้วหลุด ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ตาย หรือเขาไม่ได้ทำจริงๆ ก็ไม่เป็นธรรมกับเขา ก็เป็นคำตอบว่าทำไมต้องมานั่งวิเคราะห์กันแบบนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไปถามเชิงลึกเรื่องใต้เตียง แต่ที่แน่ๆ โอ๊ตไปชำแหละ ก็อาจโดนอีกคดีนึง?
ทนายแก้ว : ไปชำแหละมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือยักยอกอะไรก็ตาม ก็เป็นส่วนๆ ไป
วันนี้ประกันตัวโอ๊ตกี่โมง?
พ่อโอ๊ต : เขาให้ยื่นไว้ก่อน แล้วทำเรื่องพรุ่งนี้
พ่อต้องสู้สุดตัว เพราะมั่นใจในตัวโอ๊ต ?
พ่อโอ๊ต : ครับ
เรวัช : อย่าไปซีเรียสประกันหรือไม่ประกันเลย ถ้าภาษาผม ไงก็ติดคุกอยู่แล้ว มีหลักทรัพย์ก็ยื่นประกันได้ แต่สิ่งที่อยากให้พ่อโอ๊ตทำคือคุยข้อเท็จจริงกับลูก แล้วคุณไปเล่าให้ตร.ฟัง
ณ วันนี้มีโอกาสคุยกับญาติกิตมั้ย?
นนท์ : น้องชายกิตก็เครียด ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
เรื่องพรท้อง กิตยังคิดว่าพรท้องอยู่มั้ย?
นนท์ : วันสองวันก่อนที่ผมไปเจอเขา เขาเพิ่งทราบว่าใบที่เขาตรวจ ที่ส่งให้น้องชาย น้องชายส่งไปหาคุณหมอที่รู้จักกัน คุณหมอตอบกลับมาว่าไม่ได้ท้อง น้องชายกลับไปบอกพี่เขา ว่าไม่ได้ท้อง เขาก็ไม่ได้คุยกับคนในครอบครัวอีกเลย กิตเขาเครียด
กิตให้คุณไปทำสติ๊กเกอร์ชื่อน้องพรีม เพราะรักมาก พรกับกิตเป็นพรีม จะได้คล้องกับพร ถ้าเป็นคุณ เมียคุณมาบอกว่าท้อง แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าไม่ได้ท้องขึ้นมา หรืออาจมีการบอกว่าตัวฉันต้องเอาออกนะ อยู่ไม่ได้หรอก เพราะมีอีกคนตามมาราวีคุณจะเคลียร์กับผู้ชายคนนั้นมั้ย?
นนท์ : ถ้ารู้ว่าท้องต้องเคลียร์ ก่อนหน้าที่เขาจะโดนจับ เขาบอกว่าโอนเงิน 4 หมื่นที่รักษาตัว ให้พรเอาไปทำศพใหม่ เขาบอกว่าพรโทรมาบอกว่าไม่มีเงินทำศพ
กิตเขาเป็นอะไร?
นนท์ : ต้องถ่ายเลือด
แต่ก็ยอมเอาเงินสี่หมื่น ที่รักษาตัวเอง เอาไปให้พรทำศพ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนฆ่า บางทีคนมีโรคแบบนี้อาจตัดสินใจอะไรแปลกๆ?
ทนายแก้ว : ถ้าผมเป็นกิต ทำไมถึงไม่โกรธ ไม่ว่าอะไรพร ที่พรมาหลอกว่ามีใหม่ บอกว่าท้องแต่ไม่ท้อง แต่กลับไปฆ่าใหม่
เรวัช : ตอนนั้นคิดว่าพรยังไม่รู้ว่าช่างกิตเป็นฆาตกร ยังมาหลอกเอาอีก อันนี้ทำให้น้องพรเบาขึ้นนะ แสดงว่าไม่ได้วางแผนร่วมกัน
ทนายแก้ว : ไม่แน่นะครับ เขาอาจรู้อยู่แล้ว มีการขอเงิน
เรวัช : ผมมองว่าแรงกระตุ้นในการก่อเหตุ นางพรหวังเงินประกันชีวิต หรือเงินบริษัทที่ได้หรือเปล่า พอทางนี้ตายก็หลอกเอาเงินอีก ก็ต้องสอบปากคำผัวคนอื่นด้วย ว่าถูกเรี่ยไรด้วยหรือเปล่า
นอกจากฝั่งกิต ใหม่ เอกชัย พรมีคนอื่นอีกมั้ย?
นนท์ : ผมไม่ทราบ รู้แค่นี้
มุมพรเอง เวลาอยู่กับกิต สนิทกันมั้ย?
ก็อต : กิตกลัวอยู่ครับ กลัวเสียพรไป เขาดีกับพี่พรมากครับ