วันที่ 6 ก.พ.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องใบสด.43 ว่า ได้รับึคำสั่งการจากนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สืบหาข้อเท็จจริงของเอกสาร ซึ่งล่าสุดมีความคืบหน้า จึงฝากเตือนไปยังประชาชน ว่ามีกระบวนการเรียกรับผลประโยชน์ เมื่อมีผู้เสนอก็มีผู้ให้หรือมีผู้ให้ก็มีผู้เสนอรับ โดยเปรียบเทียบว่าเป็น "กระบวนการสามเหลี่ยมอาชญากรรม" จึงขอเตือนไปยังประชาชนไม่ว่าใครเป็นหน้าม้า เสนอให้ใบสด.43 จะต้องดูต้นทางว่าผิดกฎหมายหรือไม่ อยู่ๆ เอาใบสด.43มาขายให้ท่าน ก็มีลักษณะคล้ายกับกรมการขนส่งทางบกที่มีหน้าม้า ไปเอาใบขับขี่ปลอมมาขาย จนกระทั่งโดนจับ
“รมว.กลาโหมฝากถึงประชาชน ไม่ว่าใครจะมาเสนอเงิน 30,000 , 10,000 ,50,000 บาท หรือ100,000 แลกกับกระบวนการไม่เข้าสู่กระบวนการเกณฑ์ทหาร ขอให้สันนิษฐานได้เลยว่า จะได้รับใบสด.43 ปลอมแน่นอน จากการพูดคุยกับกองทัพบก พบว่าตั้งแต่ปี 2543 สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงใบสด.43 ว่าอันไหนเป็นของจริงของปลอมได้ เนื่องจากมีระบบออนไลน์โดยเฉพาะที่จะมีคนสมัครรับราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ และต้องใช้ใบเกณฑ์ทหารไปสมัคร ซึ่งข้อมูลตั้งแต่ปี 43 เป็นไปจะมีความรวมดเร็ว แต่หากย้อนหลังไปจากนั้นก็จะต้องมีต้นขั้ว 3 ต้นขั้ว” ”นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวว่า กรณีที่เป็นข่าวไปดูต้นขั้วทั้งหมดยังอยู่ และในสัปดาห์หน้ากองทัพจะแจ้งความดำเนินคดี จึงขอย้ำว่าโอกาสเดียวในกรณีที่ไม่ได้ไปเกณฑ์ทหาร จะต้องไปเป็นทหารเกณฑ์อย่างเดียวตามที่กฎหมายกำหนด และกรณีที่มีการสอบถามเรื่องใบสด.43 จะต้องพิมลายนิ้วมือ นิ้วหัวแม่มือหรือไม่ คณะกรรมการได้ตรวจสอบพบว่ามี 2 กรณี คือ 1.กรณีจับใบดำใบแดง คณะกรรมการจะให้พิมพ์ลายนิ้วมือ หรือลงลายเซ็นไว้ชัดเจน และอีกกรณีคือเข้าสู่กระบวยการเกณฑ์ทหารในเขตของตนเอง แต่ผู้สมัครเต็มทำให้ไม่ต้องเกณฑ์ ตามกระบวนการจะต้องไปรับเอกสารชุดเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องลงลายมือชื่อ หรือพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยสาระสำคัญอยู่ที่ว่าต้นขั้วเป็นของจริงหรือของปลอม หรือมีการเข้าสู่กระบวนการเกณฑ์ทหารจริงหรือไม่