อาจกล่าวได้ว่า ชาวโลกแทบทั้งใบอาจจะเกลียด “นายโดนัลด์ ทรัมป์” อดีตผู้นำสหรัฐอเมริกาคนก่อน โดยหลายคนก็อาจจะเกลียดแบบชังน้ำหน้ากันเข้าไส้
ทว่า เมื่อกล่าวถึงกระแสเสียงภายใน “รีพับลิกัน” พรรคการเมืองที่เขาสังกัดแล้ว ก็ต้องบอกว่า สวนทางแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะพลพรรคชาวรีพับลิกัน มากกว่าครึ่งค่อน ล้วนรักชื่นชอบต่อนายทรัมป์ ชนิดถึงขั้นเป็นปลื้มกันเลยทีเดียวก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี ก็มีเหมือนกันแต่เป็นส่วนน้อยของชาวพลพรรครีพับลิกัน ที่ไม่ชอบเขา แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีอันกระจัดกระจายพ่ายไป หรือไม่ก็ต้องยอมรับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ในภายหลัง
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า คนในรีพับลิกันจะรักหรือชัง นายทรัมป์ก็ได้กลับมาแล้ว กลับมาสู่วงโคจรของการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) นี้ อย่างดุเดือดเลือดพล่านกันอีกคำรบ
เหตุปัจจัยอะไรนั้นหล่ะหรือที่ทำให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงความเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ชาวพลพรรครีพับลิกัน?
ก็มีเสียงทรรศนะวิจารณ์จากบรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า หนึ่งในนั้นก็เป็นเหตุปัจจัยด้านเศรษฐกิจภายในของสหรัฐฯ นั่นเอง ที่ทำให้ชาวอเมริกัน ได้หวนกลับมาตั้งความหวังด้วยความศรัทธาปสาทะยิ่งต่อนายทรัมป์ว่า จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของหวนกลับมาดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตครองเมือง
ถึงขนาดมีกระแสเสียงว่า นายทรัมป์ จะช่วยฉุดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้กลับมาขยายตัวเติบโต เหมือนเฉกเช่นก่อนหน้านี้ 4 ปี หากเขาได้เข้าไปทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ แทนที่ประธานาธิบดีไบเดน ที่กำลังจะหมดวาระไปในอีกไม่เพลานี้
โดยปัญหาเศรษฐกิจนั้น ถือเป็นปัญหาใหญ่และเห็นเด่นชัดที่สุด เพราะกระทบต่อเงินในกระเป๋าของประชาชน ซึ่งประชาชนรับรู้กันได้ไวมากที่สุด
ตามการเปิดเผยของประชาชนชาวอเมริกัน ระบุว่า ราคาพลังงาน คือ น้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้ในยวดยานพาหนะ ถือเป็นสิ่งที่เห็นเด่นชัดที่สุดหากกล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาพลังงานเชื้อเพลิงค้าปลีก ระหว่างประธานาธิบดีไบเดน กับสมัยของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ปรากฏว่า ในยุคของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซิน หรือก๊าซโซลีน ค้าปลีกตามสถานีเติมน้ำมันต่างๆ เฉลี่ยอยู่ที่แกลลอนละ 2.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่ ในสมัยของประธานาธิบดีไบเดนยุคนี้ ปรากฏว่า ราคาค้าปลีกของน้ำมันก๊าซโซลีน หรือเบนซิน ได้เคยทะยานพุ่งเกินกว่า 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อแกลลอนก็ยังเคยมี ส่วนราคาทั่วไปในช่วงที่ผ่านมาก็อยู่ที่แกลลอนละ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ กว่าๆ
กองเชียร์พรรครีพับลิกันผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) นี้ ล้วนบอกตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า หากนายทรัมป์ หวนกลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในทำเนียบขาว พวกตนก็เชื่อมั่นว่า ราคาน้ำมันพลังงานเชื้อเพลิง จะลดลงกว่าที่เป็นอยู่นี้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจภาคอื่นๆ ของสหรัฐฯ ก็จะดีขึ้น ขยายตัวเติบโตกว่าที่เป็นอยู่
รวมถึงภาวะอัตราเงินเฟ้อที่จะต่ำลง ซึ่งภาวะอัตราเงินเฟ้อนี้ ส่งผลต่อราคาสินค้าต่างๆ ในประเทศถูกลงไปด้วย โดยประเด็นปัญหาภาวะเงินเฟ้อนี้ ในยุคสมัยประธานาธิบดีไบเดน ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ได้ดำเนินการแก้ไขด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายระลอก จนส่งผลทำให้สหรัฐฯ ต้องหมดยุคของการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำไปโดยปริยาย ซึ่งแม้ว่า จะส่งผลทำให้ปัญหาภาวะอัตราเงินเฟ้อคลี่คลายลง แต่สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ยังเติบโตในลักษณะชะลอตัวลง
นอกจากนี้ บรรดาชาวพลพรรครีพับลิกัน ก็วาดหวังว่า หากนายทรัมป์ ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ก็จะทำให้อัตราการว่างงานในประเทศลดต่ำลง เหมือนสมัยที่เขาเป็นประธานาธิบดีที่เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์การจ้างงานในสหรัฐฯ ก็ต้องบอกว่า ดีกว่าในสมัยของประธานาธิบดีไบเดน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงตอนปลายของสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ แม้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เกิดอาการสะดุดกันไปบ้าง แต่เหล่าพลพรรครีพับลิกัน ก็ไม่ได้โทษทรัมป์ โดยระบุว่า เป็นผลพวงของวิกฤติการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 หรือโควิด-19 ที่อาละวาดเล่นงานจนสหรัฐฯ งอมพระราม ด้วยอันดับตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อสะสมและอันดับตัวเลขผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุดในโลกทั้งสองตำแหน่ง
ไม่นับเรื่องที่นายทรัมป์ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ก็ต้องบอกว่า ยังดำเนินไปแบบดุเด็ดเผ็ดมัน ตามแบบฉบับของพวกอนุรักษ์นิยม ขวาตกขอบ เฉกเช่นเดิม หรือแม้กระทั่งพลพรรครีพับลิกันที่เป็นวัยรุ่นคนหนุ่มสาวก็ยังชื่นชอบเขา อย่างการชูนโยบายต่อต้านการอพยพเข้าเมืองของคนต่างด้าว ด้วยการชี้ให้ชาวสหรัฐฯ เห็นผลเสียของเหล่าผู้อพยพเป็นภัยต่อสหรัฐฯในด้านต่างๆ เป็นอาทิ
ด้วยประการฉะนี้ พลพรรครีพับลิกัน จึงล้วนเทใจส่งเสียงเชียร์ต่อนายทรัมป์ ให้หวนกลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรครีพับลิกัน ไปสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 กับนายไบเดน ที่คาดว่าจะได้เป็นตัวแทนพรรคของเดโมแครตค่อนข้างจะแน่ ในปลายปีนี้ต่อไป
แม้ว่านายทรัม์ จะมีอุปสรรคขวากหนามในเรื่องของคดีความต่างๆ ซึ่งตามข้อกล่าวหาทั้งหลาย ก็ระบุว่า นายทรัมป์ถูกฟ้องร้องที่จะดำเนินคดีถึง 96 กระทง แต่ทว่า กองเชียร์รีพับลิกันจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกัน ที่เชื่อว่า บรรดาข้อกล่าวหาเกือบ 100 กระทงนั้น มีแรงจูงใจในทางการเมือง คือ เชื่อว่านายทรัมป์ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เพื่อไม่ให้เข้าสู่ทำเนียบขาว ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อีก
ว่ากันถึงคะแนนนิยมของนายทรัมป์ หากเปรียบเทียบกับผู้สมัครฯ ของพรรครีพับลิกันที่ยังเหลืออยู่ อย่างนางนิกกี แฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ก็ต้องบอกนำห่างอยู่หลายขุม ที่ร้อยละ 58 ต่อ 32
ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีไบเดน ปรากฏว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังมีคะแนนนิยมนำหน้าอยู่หลายจุด ล่าสุด ก็อยู่ที่ร้อยละ 40 ต่อ 34 ห่างกันถึง 6 จุดด้วยกัน