หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์ …*…
การเคลื่อนไหว ประกาศปักหลักหน้าทำเนียบฯ ไม่มีกำหนด ของ “ม็อบ คปท.” เพื่อกดดันให้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯคนที่ 23 ซึ่งมีสถานะพ่วง คือ “นักโทษ” ต้องกลับเข้าเรือนจำ หลังจากที่ออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น14 เนิ่นนาน กำลังเป็นสัญญาณทางการเมือง ที่ต้องจับตา เพราะการขยับของ “ม็อบ คปท.” อาจเป็น “หัวเชื้อ” ที่จะนำไปสู่ การเปิดเกม เขย่าทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ในจังหวะที่ไปสอดรับ กับการ “ยื้อเวลา” อยู่นอกเรือนจำให้ครบกำหนดของการได้รับการ “พักโทษ” …*…
หมายความว่า “ทักษิณ” หากเข้าเกณฑ์การ “พักโทษ” เจ้าตัวจะสามารถ ใช้ “สถานที่อื่นใด” นอกจากเรือนจำเพื่อใช้เป็นที่อยู่ได้ตาม ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 หรือที่เรียกกันว่า “ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ” โดยประเด็นนี้ “สิทธิ สุธีวงศ์” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เคยออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อ กลางเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ถึงคุณสมบัติของ “ทักษิณ” ว่า “ หากดูจากหลักเกณฑ์ที่ว่าเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง สูงวัยและมีอาการเจ็บป่วย ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาในโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป” …*…
นอกจากนี้ “รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์” ได้เคยอธิบายเอาไว้ถึง ระบบพักการลงโทษนั้น หากผู้ต้องขังคนใดเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ ตามขั้นตอนแล้วจะต้องมีรายชื่อของผู้อุปการะ ซึ่งกรมคุมประพฤติจะต้องไปสืบเสาะว่าใครจะเป็นผู้อุปการะผู้ต้องขัง และเมื่อพักโทษจะประกอบอาชีพใด และจะต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติอย่างไรบ้าง หรือกำหนดอาณาเขตว่าห้ามพ้นรัศมีเท่าใด หรือห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ส่วนบทบาททางการเมืองในระหว่างการพักโทษ สามารถกระทำได้ หากไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือทำผิดระเบียบ …*…
ปมเรื่องการพักโทษของ “ทักษิณ” ถูกติดตามทั้งจาก “ฝ่ายการเมือง” โดยเฉพาะ “พรรคประชาธิปัตย์” ผ่าน “คณะกรรมาธิการตำรวจ” โดย “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ที่บุกขึ้นไปถึง “ชั้น14” มาแล้ว แต่ในด้านหนึ่งก็ยังถูกมองว่าเป็น “ปาหี่” เพราะไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมา ขณะที่การเคลื่อนไหว “นอกสภาฯ” โดย “กลุ่มคปท.” และ “แนวร่วม” ที่ชุมนุมประปลาย “เลี้ยงกระแส” มาเป็นระยะ …*…
“กลุ่มคปท.” แม้ไม่ใช่ม็อบระดับ “มืออาชีพ” เมื่อมองย้อนกลับไปยังการเคลื่อนไหวชุมนุมอย่าง ม็อบเสื้อแดง ม็อบเสื้อเหลือง และม็อบ กปปส. แต่อย่าลืมว่า การหล่อเลี้ยงกระแส โดยมี ประเด็นอยู่ที่ “ทักษิณ” นั้นย่อมทำให้ มีการ “ต่อยอด” และ “ขยายผล” ตามมา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายต่อต้านทักษิณ หรือฝ่ายที่ต้องการใช้ปม “นักโทษเทวดา” เพื่อกุมความได้เปรียบทางการเมืองในช็อตต่อไป !! …*…
ไม่พูดถึง คงไม่ได้ สำหรับ “พรรคก้าวไกล” วันนี้ที่หลายสิ่งหลายอย่างอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ! แม้ “ด้อมส้ม” และ “คีย์แมน” ของพรรคก้าวไกล เองจะพากัน “แสดงออก” ด้วยความมั่นอกมั่นใจ ว่า “ไม่กลัวยุบพรรค” เพราะถ้ายุบรอบนี้ ก็ตั้งพรรคกันใหม่ แถมจะได้ “คะแนนสงสาร” เทให้พรรคเป็น “เท่าทวีคูณ” แต่อย่าลืมความเป็นจริงอีกด้านที่ต้องยอมรับ นั่นคือ ในระหว่างทาง นับจาก “อนาคตใหม่” มาถึง “พรรคก้าวไกล” นั้นต้องสูญเสีย “แถวหนึ่ง-แถวสอง” กันไปกี่รายแล้ว …*…
ปัญหาของ “พรรคก้าวไกล” เวลานี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่า จะถูกยุบหรือไม่ แต่สิ่งที่จะวิกฤต คือการที่พรรคจะเหลือ “ใคร” มาทำหน้าที่เป็น “ผู้เล่น” ในแถวต่อมาต่างหาก เพราะหลังสิ้นคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ชี้ว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “พรรคก้าวไกล” กระทำการเข้าข่าย “ล้มล้างปกครอง” แล้ว “ผู้ร้อง” ทั้งหลายพากันไปยื่นให้ ยุบพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2562 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง แล้วยังมีอีกดาบสำคัญ เมื่อมีการยื่นเรื่องไปยัง ปปช.ขอให้ “ศาลฎีกาฯ” ตรวจสอบ ว่า “44 สส.” ที่ กระทำการเข้าข่าย “ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง” หรือไม่ และโอกาสที่จะถูก “ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต” ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น! …*…
ที่มา:พันแสง (5/2/67)