โฆษกก.เกษตรฯ เผยข้าราชการกระทรวงต้องโปร่งใส ลั่นไม่กลัวเกลือเป็นหนอน ย้อนระวังจะโดน เกลือจิ้มเกลือ อย่าไปให้ความสำคัญขบวนการทำลายชื่อเสียงกระทรวง ด้าน นิด้าโพล ระบุ ปชช.ส่วนใหญ่เชื่อ"นักร้อง" อาจมีผลประโยชน์แอบแฝง

     
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวอ้างภายในกระทรวงเกษตรฯ มีเกลือเป็นหนอนส่งข้อมูลปมทุจริตและมีขบวนการตบทรัพย์ ว่า  ยืนยันทุกอย่างมีกระบวนการในการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง ไม่กลัวเกลือเป็นหนอน แต่ระวังจะย้อนกลับเป็นเกลือจิ้มเกลือ หากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ และพร้อมดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ เป็นสถานที่ราชการ ประชาชนทุกคนสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ตามปกติ เช่นเดียวกันกับกลุ่มม็อบต่างๆ เดินทางมาอยู่หน้ากระทรวงเกษตรฯ กินนอนเป็นประจำ และเข้ามาใช้บริการห้องน้ำภายในตัวอาคาร ใช้เป็นที่หลบฝนบางครั้งบางคราวในทุกยุคทุกสมัย จึงยากที่จะจำได้หมด ว่าในแต่ละวันรัฐมนตรีแต่ละท่านพบเจอใครบ้าง 
    
 สำหรับกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานราชการที่รับเอาทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรในหลายด้าน มาช่วยเหลือและแก้ไขเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะมีทั้งกลุ่มผู้เรียกร้อง และกลุ่มผู้มาร้องเรียน สามารถมายื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ ได้ตามปกติ ซึ่งนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ในยุคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ และรัฐมนตรีช่วยฯ  ทั้งสองท่าน ยึดมั่นในแนวทางการบริหารราชการด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ยึดมั่นในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีความเป็นธรรมาภิบาล (Good governance) ส่วนรูปคดีมีความคืบหน้า มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ชัดมากขึ้น เน้นย้ำให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ซึ่งเป็นหน้าที่ของขบวนการยุติธรรมที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
   
  ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่าน เชื่อมั่นในการบริหารงานของกระทรวงเกษตรฯ ที่ผู้บริหารในระดับนโยบายได้สั่งการ และกำชับให้ข้าราชการในสังกัดของกระทรวง ยึดโยงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง อย่าไปให้ความสำคัญกับขบวนการบ่อนทำลายชื่อเสียงของกระทรวงเกษตรฯ และบั่นทอนขวัญกำลังใจของข้าราชการในกระทรวงที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ
    
 ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง "อาสาสมัครช่วยเหลือสังคมกับนักร้องเรียน" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 ม.ค.ถึง 1 ก.พ.67 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อปรากฏการณ์ข่าวผู้เดือดร้อนหรือผู้ที่เป็นเหยื่ออาชญากรรม เข้าขอความช่วยเหลือจากอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 55.50 ระบุว่า ผู้เดือดร้อนต้องการได้รับความเป็นธรรม รองลงมา ร้อยละ 50.38 ระบุว่า ผู้เดือดร้อนต้องการความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา ร้อยละ 39.69 ระบุว่า ต้องเป็นข่าวหน่วยงานราชการ และ/หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ถึงจะใส่ใจติดตามช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ร้อยละ 35.04 ระบุว่า หน่วยงานราชการ และ/หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใส่ใจติดตามช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ร้อยละ 31.07 ระบุว่า ผู้เดือดร้อนที่หมดหวังกับหน่วยงานรัฐ และ/หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 16.49 ระบุว่า อาสาสมัครช่วยเหลือสังคมน่าไว้ใจมากกว่า หน่วยงานรัฐ และ/หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 9.92 ระบุว่า อาจมีผลประโยชน์บางอย่างแอบแฝงอยู่ ร้อยละ 8.40 ระบุว่า เป็นการเสริมสร้างชื่อเสียง อำนาจ บารมีของอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมบางคน ร้อยละ 7.33 ระบุว่า อาสาสมัครช่วยเหลือสังคมบางคนเป็นเครื่องมือทางการเมืองของบางคนหรือบางกลุ่ม ร้อยละ 6.64 ระบุว่า เป็นปรากฏการณ์หิวแสงของอาสาสมัครช่วยเหลือสังคมบางคน และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
     
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อปรากฏการณ์ข่าวนักร้องเรียนที่ตรวจสอบหรือกล่าวหาหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง พรรคการเมือง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 48.55 ระบุว่า อาจมีผลประโยชน์บางอย่างแอบแฝงอยู่ รองลงมา ร้อยละ 28.85 ระบุว่า เป็นการเสนอความจริงต่อสังคม ร้อยละ 25.65 ระบุว่า เป็นปรากฏการณ์หิวแสงของนักร้องเรียนบางคน ร้อยละ 20.76 ระบุว่า เป็นการเสริมสร้างชื่อเสียง อำนาจ บารมีของนักร้องเรียนบางคน ร้อยละ 20.08 ระบุว่า เป็นการดำเนินการทางการเมืองอย่างหนึ่ง ร้อยละ 19.31 ระบุว่า นักร้องเรียนเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ร้อยละ 17.33 ระบุว่า เป็นการตรวจสอบ/กล่าวหาจากภาคประชาชน ร้อยละ 15.50 ระบุว่า หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง พรรคการเมือง ต้องทำงานด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ร้อยละ 15.19 ระบุว่า ต้องเป็นข่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงจะใส่ใจตรวจสอบ/กล่าวหา ร้อยละ 8.47 ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ทำงานเชิงรุกในการตรวจสอบ/กล่าวหา และร้อยละ 7.10 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ