นายกฯ เผยผบ.ทบ. รายงานผลการป้องกันกวาดล้างยาเสพติดด้านชายแดนไทย โดยปรับปรุงวิธีการ และพัฒนาเท็คโนโลยีในการสกัดกั้นเยานรกอย่างเข้มข้น ด้าน กรมการแพทย์ เตือนภัย"ลูกอมสายตี้" อันตราย ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ระวังดื่มกับแอลกอฮอล์อาจทำให้ระบบหัวใจล้มเหลวถึงขั้นเสียชีวิต
       
     
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขอให้ยังคงกวาดล้างยางพาราเถื่อน และเฝ้าระวังตามแนวชายแดนป้องกันการลักลอบนำเข้าอย่างเข้มงวดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ล่าสุด ผบ.ทบ. ได้รายงานผลการดำเนินการ ดังนี้ 1. กองทัพบกได้ประสานความร่วมมือกับฝ่ายเมียนมาในการช่วยสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายางพาราเข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
       
2. กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่ปลูกยาง ปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัยและถูกต้อง พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและผู้ประกอบการรับซื้อยาง รวมทั้งการบูรณาการกำลังกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ป้องปรามไม่ให้มีการรับซื้อยางที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้ 3. หน่วยงานด้านความมั่นคงตั้งจุดตรวจร่วมแบบประจำที่ โดยบูรณาการร่วมกับภาคประชาชนในพื้นที่ และจัดตั้งจุดตรวจร่วมความมั่งคงเพิ่มเติม ณ บ้านห้วยมาลัย อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมจัดตั้งจุดสกัดแบบไม่ประจำที่ ไม่เป็นห้วงเวลาตามเส้นทางหลบเลี่ยง
       
4. ลาดตระเวนพื้นที่เป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ เสริมด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดล่อแหลม รวมทั้งการใช้โดรนตรวจการณ์มุมสูง 5. ดำเนินการตามมาตรการควบคุมยางพาราอย่างเคร่งครัด เช่น เมื่อเกษตรกรจะนำผลผลิตไปจำหน่ายยังโรงรับซื้อยางพารา จะต้องแสดงหลักฐานการทำสวนยางและปริมาณผลผลิตรายปีที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คำนวณไว้แล้วต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ และเมื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายแล้วให้แสดงหลักฐานการจำหน่ายต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจอีกครั้ง เพื่อตัดยอดผลผลิตออกจากบัญชีคุม ในส่วนของผู้ประกอบการรับซื้อยาง จะต้องเก็บใบเสร็จจากการรับซื้อไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อมีการเคลื่อนย้ายยางพาราออกนอกพื้นที่เพื่อนำไปจำหน่ายในพื้นที่อื่นต่อไป
    
 นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงมาตรการป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบนําเข้ายาเสพติด ว่า กองทัพได้พัฒนาระบบการแจ้งเตือนโดยเมื่อตรวจพบสิ่งบอกเหตุหรือการกระทําผิด ให้สามารถแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างทันท่วงที ไม่เกิดการรั่วไหลของข่าวสาร เพื่อให้สามารถยับยั้ง สกัดกั้น และจับกุมผู้กระทําผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งมีการจัดระเบียบหมู่บ้านชายแดน เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และประสานกับฝ่ายเมียนมา ในการร่วมกันเฝ้าระวังแจ้งเตือน สกัดกั้นและปราบปราม การลักลอบ ลําเลียงยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายข้ามประเทศตามช่องทางต่างๆ ตามแนวชายแดน
   
  รวมถึงการปรับปรุงพัฒนาเทคนิค วิธีการ และเครื่องมือในการป้องกันและสกัดกั้นการกระทําผิดกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ เช่น การนําเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ณ จุดตรวจ เพื่อช่วยในการตรวจสอบการลักลอบลําเลียงยา เสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย เช่น เครื่อง X-Ray, อุปกรณ์ตรวจจับรถเป้าหมายจากป้ายทะเบียนรถ (License Plate) แบบมีระบบแจ้งเตือนทันที เมื่อรถเป้าหมายผ่านจุดตรวจ, รวมทั้งเครื่องอ่านบัตรประจําตัว ประชาชน (Smart Card Reader) ที่มีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลบุคคลต้องสงสัยหรือผู้ที่มีหมายจับเข้ากับเครื่องอ่านบัตรฯ เป็นต้น
    
 สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดที่กำลังระบาดโดยมีการปรับรูปแบบการจำหน่ายอย่างล่าสุดพบมี ลูกอมสายตี้ หรือลูกอมเมา ที่มีส่วนผสมของยาเสพติดติดหลายชนิด เป็นที่นิยมของกลุ่มเยาวชนอย่างแพร่หลายนั้น 
    
 นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า "ลูกอมสายตี้" หรือลูกอมเมายาเสพติดชนิดใหม่ ที่กำลังเป็นนิยมในกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวยามราตรี ซึ่งเป็นการนำยาเสพติดหลายชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน อาทิ เคตามีน ทรามาดอล สารไนเมตาซีแพม สารฟลูไนตราซีแพม ไฮโดรคลอไรด์ หรือยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมาผสมกัน นำมาแปรรูป และจำหน่ายในรูปแบบของลูกอมหรืออมยิ้ม โดยลักลอบจำหน่ายตามช่องทาง Social Media (โซเชียลมีเดีย) รวมไปถึงตามสถานบันเทิง เมื่อนำมารับประทาน จะออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในหลายรูปแบบ ทั้งกระตุ้นประสาท หลอนประสาท และกดประสาท แล้วแต่ว่าผู้ค้าผสมสารชนิดใดเป็นหลัก ทำให้เคลิบเคลิ้ม สนุกสนาน ตื่นตัว คึกคัก จึงทำให้กลายเป็นที่นิยมในหมู่นักเที่ยวกลางคืน หรือกลุ่มปาร์ตี้ในพื้นที่ส่วนบุคคล ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มจะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการใช้ยาเสพติดหลายชนิดรวมกัน ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์จะเสริมฤทธิ์ อาจทำให้กดการหายใจระบบหัวใจล้มเหลวและถึงขั้นเสียชีวิตได้
    
 ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขอย้ำเตือนกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวที่นิยมทดลองของแปลกใหม่ให้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตนเองให้มาก โดยไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผู้ค้าตั้งใจผสมสารชนิดใดลงไปบ้าง และพึงระลึกไว้เสมอว่าการใช้ยาเสพติดทุกชนิดมีความอันตราย ส่งผลต่อร่างกายของผู้เสพ เป็นสาเหตุของการเกิดความรุนแรงและอาชญากรรมต่าง ๆ อาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ขอฝากถึงกลุ่มผู้ปกครองในช่วงนี้ให้ระมัดระวังการเลือกซื้อขนมประเภทอมยิ้มให้บุตรหลาน ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้ ดูส่วนผสมและแหล่งผลิตให้ชัดเจน หากไม่แน่ใจไม่ควรซื้อให้บุตรหลานบริโภคโดยเด็ดขาด 
   
  การนำ "ลูกอมสายตี้" หรือลูกอมเมา ไปบริโภคโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจเกิดอันตรายต่อบุตรหลานได้ หมั่นสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานหรือคนในครอบครัว หากพบมีพฤติกรรมเสี่ยงเช่น การใช้เงินในการสั่งของทางออนไลน์มากผิดปกติ หรือพบสิ่งของต้องสงสัย ต้องรีบเข้าไปพูดคุย บอกกล่าวถึงผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงอันตรายที่จะตามมา โดยสามารถขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติดได้ที่สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษาสุราและยาเสพติดได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง