จนท.บุกรวบเพิ่มอีก 2 ราย "เอกลักษณ์"พร้อมพวกร่วมขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว "เจ๋ง ดอกจิก" สาบานไม่เกี่ยวแก๊งตบทรัพย์ โบ้ยตำรวจตั้งข้อหารุนแรงไป จ่อฟ้องกลับ พร้อมอัด "อธิบดี" ถ้าไม่มีแผลจะมาเคลียร์ทำไม 

 จากกรณีที่ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว พร้อมภรรยา เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กรณีที่แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่รวบรวม หลักฐานมานานกว่า 4 เดือน ว่าถูกข่มขู่ รีดไถ 3 ล้านบาท และได้มีการเจรจาต่อรองจนเหลือ 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียน จนนำไปสู่การบุกจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน และนำไปสู่การขยายผลจับกุม นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธภาคย์" อดีต ผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ก.พ.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าจับกุม "นายเอกลักษณ์ วารีชล" หรือ "เอก ปากน้ำ" ผู้ต้องหาเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว ร่วมกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เคยกล่าวไว้ โดยเป็นคนกลางประสานงานในแก๊งนี้

 นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าตำรวจได้นำหมายเข้าตรวจค้นจับผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน ที่บ้านพักในจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ เจ๋ง ดอกจิก โดยรายละเอียดและผลการจับกุม ตำรวจ บก.ปปป. จะแถลงต่อไป

 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.รวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาแถลงข่าว พร้อมนำพวงมาลัยกับธูปเทียนแพมาด้วย โดยกล่าวว่า ตนและน.ส.พิมณัฏฐาถูกกล่าวหาว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ระดับชาติ และถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงต้องออกมาชี้แจงเพื่อแก้คำกล่าวหา

 นายยศวริศ กล่าวว่า ถูกยึดโทรศัพท์ไปตั้งแต่วันแรกในการมอบตัว จึงต้องพยายามนึกย้อนข้อมูลและไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ดังนี้ วันที่ 18 ธ.ค.66 นายศรีสุวรรณและตนพบข้อพิรุธส่อทุจริตในกรมฝนหลวงฯ เรื่องการบินเกษตร งบประมาณ 1,188 ล้านบาท และนัดหมายจะไปร้องกมธ.วันที่ 20 ธ.ค.66 และแถลงข่าวโดยมีข้อมูลตรงกันกับนายศรีสุวรรณว่ากรมการข้าวก็มีเรื่องทุจริตเช่นเดียวกัน

 ต่อมาพรรคพวกตนรู้เรื่องจึงบอกว่าอย่าไปยุ่งกับกรมการข้าว เพราะอธิบดีเป็นน้องของตนเอง เป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน ตนเห็นว่าพรรคพวกขอร้องมาในวันเดียวกันจึงได้โทรศัพท์ไปหาอธิบดี แต่ไม่รับสาย และมีสายโทรกลับมาในเวลา 23.00 น. แต่ตนไม่ได้รับสาย

 เช้าวันที่ 21 ธ.ค.66 โทรศัพท์กลับไป ปลายสายบอกว่าเป็นอธิบดีกรมการข้าว และนัดหมายดื่มกาแฟที่โรงแรมย่านบางเขน ก่อนบอกว่าโรงแรมคนเยอะ ขอเปลี่ยนไปนัดหมายที่กรมการข้าว และมีการโทรศัพท์ตามหลายครั้ง ประมาณ 12.45 น. อธิบดีนัดตนที่หน้าตึก ตนจึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ฝากไว้ให้ดูแล และขึ้นไปที่ห้องอธิบดี โดยอ้างว่าอธิบดีบอกว่าขอให้ช่วยแก้ปัญหา และเคยตกลงกันไว้เป็นจำนวนเงินตามข่าว แต่ไม่ไหว จึงให้ตนเจรจาให้ ซึ่งตนบอกว่ามาวันนี้เพื่อช่วย เพราะเพื่อนฝากไว้ โดยจะช่วยเต็มที่เพราะเป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน รวมทั้งมอบหมายให้ภรรยาอธิบดีติดต่อกับน.ส.พิมณัฏฐา เพราะตนไม่มีเวลา

 "เห็นว่าเป็นพวก เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง โทรศัพท์ประสานงานให้ได้ยอดตามที่เป็นข่าว และโทรศัพท์กลับไปหาภรรยาอธิบดีให้พอไหวทั้งคู่ พึงพอใจทั้งสองฝ่ายและเลิกแล้วต่อกัน
 นายยศวริศ กล่าวต่อว่า การเจรจากันก่อนหน้านี้ระหว่างฝั่งอธิบดีและนายศรีสุวรรณ ตนไม่รู้เรื่อง มีเพียงหน้าที่คอยประสานงาน ยืนยันว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องเพียงเท่านี้ ส่วนน.ส.พิมณัฏฐาก็มีหน้าที่เพียงช่วยประสานงานเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์ และไม่เคยคิดว่าในกรมการข้าวมีงูเห่า เรื่องทุจริตนั้นจริงไม่จริงต่างฝ่ายก็มีข้อมูล ถ้ามีการร้องก็ต้องสอบกัน คนเราถ้าไม่ผิด ไม่มีแผล จะเคลียร์ทำไม
 
นายยศวริศ กล่าวว่า ตนกับนายศรีสุวรรณร้องหลายเคส แต่ส่วนเป็นการทุจริตในองค์กรเช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และไม่เคยมีใครมาเคลียร์กับตน หรือตนไปเคลียร์กับใคร แล้วมากล่าวหาว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ได้อย่างไร เคสนี้เช่นเดียวกัน ผม คุณการ์ตูน ก็ไม่เคยได้เงินสักบาทเดียว ผมไม่รู้เรื่องตบทรัพย์และขอความเป็นธรรมกับประชาชน เพราะเกิดความเสียหาย ผู้หลักผู้ใหญ่มองผมว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์ ทำมาหากินอย่างนี้

 นายยศวริศ กล่าวอีกว่า น.ส.พิมณัฏฐากำลังมีอนาคตทางการเมือง กลับโดนตั้งข้อหาแบบนี้ ร้องไห้ทุกวันว่าไปเกี่ยวข้องหรือทำผิดอะไร เป็นเพียงผู้ประสานระหว่างผู้ร้องกับผู้ถูกร้อง นอกจากนี้ตนขอความเป็นธรรมกับพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ซึ่งการตั้งข้อกล่าวหาตบทรัพย์เป็นข้อหาที่รุนแรงเกินควร และอยู่ระหว่างให้ทนายความรวมรวบข้อมูลดำเนินคดีผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์และเกรียนคีย์บอร์ด เพราะสร้างความเสียหายมาก โดยศาลจะวินิจฉัยว่าตนผิดหรือไม่ผิด ไม่ใช่ตำรวจที่ออกมาพูดจนสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นแก๊งตบทรัพย์
 
นายยศวริศ กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักคนชื่อ "หมู" ส่วนที่โยงกันไปมานั้น ตนจะฟ้องทั้งหมด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าภรรยาอธิบดีเปิดบริษัทฯ ด้วยเงินลงทุน 600 กว่าล้าน เหตุใดร่ำรวยมาก
 
จากนั้น นายยศวริศ ได้หยิบธูปเทียนแพลุกขึ้นสาบานว่า กรณีที่กล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้หน้าที่โดยมิชอบ เรียกทรัพย์เพื่อประโยชน์ตัวเอง และถ้าผมเป็นแก๊งตบทรัพย์ แก๊งเรียก ขอให้มีอันเป็นไป และถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น ขอบารมีพระแก้วมรกต ศาลหลักเมือง พระแม่ธรณี สิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณนี้ ไปจัดการกับคนที่กล่าวหาให้ทุกข์ใจเป็นร้อยพันเท่า รวมทั้งทุกคนที่คิดและเกี่ยวข้อง ขอให้มีอันเป็นไป และถ้าผมไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้ตัวเองเจริญขึ้นเรื่อยๆ

 ด้าน น.ส.พิมณัฏฐา หรือการ์ตูน กล่าวว่า ไม่รู้จะชี้แจงอะไร เพราะแค่ประสานและตามงาน ยืนยันว่าไม่ได้เรียกเงินใดๆ ทั้งสิ้น ภรรยากรมการข้าวบอกว่าจะขอจ่ายให้ก่อน 100,000 บาท พอเขาตกลงกันแล้วเสร็จ และบอกว่าจะขอผ่อนจ่าย ตัวเองจึงต้องทำหน้าที่ประสานต่อไป