วันที่ 1 ก.พ.67 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ วันนี้ผมสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ก็จะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟซบุ๊กสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok: jopstoploss ครับ วันนี้สิ่งที่ผมอยากจะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องก็คือ ผมเพิ่งกลับมาจากสภาผู้แทนราษฏร วันนี้ผมมีประชุมกรรมาธิการครับ ก็เห็น ส.ส. หลายท่านได้มีการอภิปรายญัตติด่วน ที่ให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยมี ส.ส. พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ และในช่วงของการอภิปรายนั่นก็มีคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้มีการอภิปราย นายสามารถ กล่าวต่อว่า
สิ่งที่ผมกำลังจะพูดอย่างนี้ครับว่า วันนี้เองสังคม เขามองเรื่องของการนิรโทษกรรมนั้นว่า ไม่ได้เห็นด้วย 100% ครับ ถ้าเราหยิบเอาพ.ร.บ
นิรโทษกรรมสุดซอย เรื่องนี้มันจะย้อนกลับไปเหมือนตอนปี พ.ศ.2557 ที่มีประชาชนออกมาต่อต้านมากมาย ที่มีการบอกว่าจะนิรโทษกรรมคดีทุจริต ผมคิดว่าคงไม่มีใครเห็นด้วย แล้ววันนี้เองถ้าคุณพิธา จะพยายามให้มีการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ต้องคดีมาตรา 112 ผมว่าส.ส.คนที่ลงมติเห็นด้วยนั้นสุ่มเสี่ยง สุ่มเสี่ยงที่จะขาดจริยธรรม เพราะเมื่อวานนี้ในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนอยู่แล้ว แค่การไปประกันตัวผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ก็เท่ากับคุณส่งเสริมให้มีการล้มล้างสถาบัน เพราะคนที่ต้องคดีมาตรา 112 กระทำผิดนั้นเป็นการย่ำยีหัวใจของคนที่รักสถาบัน มันไม่ใช่เรื่องของการเห็นต่างครับ
การเห็นต่างทางการเมือง กับการล้มล้างสถาบันนั้นแตกต่างกัน ฉะนั้นผมจึงขอฝากไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งบางคนก็เป็นพี่ที่สนิทกันหลายคน บางคนก็เป็นเพื่อน บางคนก็เป็นน้อง คือถ้าท่านไปลงมติเห็นด้วยกับนิรโทษกรรมที่มีการพ่วงมาตรา 112 ด้วยเนี่ย ผมคิดว่าสุ่มเสี่ยงที่ท่านจะถูกคนไปยื่น ป.ป.ช. ถอดถอนจริยธรรมของท่าน และสุดท้ายท่านอาจจะหมดสิทธิ์การเป็น ส.ส. หรืออาจจะไม่มีสิทธิเล่นการเมืองอีกตลอดชีวิต
ฉะนั้นผมถึงอยากจะออกมาเตือน และก็สุ่มเสี่ยงมากๆ ในการที่พวกท่านจะนิรโทษกรรมในคดีมาตรา 112 ส่วนคนที่ต้องโทษคดีมาตรา 112 นั้นชัดเจนอยู่แล้วครับ ว่าขาดจริยธรรมโดยสภาพ อย่าพยายามทำตัวเป็นซอมบี้ในสภา คำว่าซอมบี้ในสภาหมายความว่าอย่างไร คือ ส.ส.ที่ต้องคดีมาตรา112 พรรคก้าวไกลจะเลี้ยงไว้ เพื่อให้ขยายความคิดเหล่านี้ไปยังบุคคลอื่นเพื่อให้เห็นตาม และ จะทำให้การแก้ไขมาตรา112 นั้นทำได้เพราะคิดว่าไม่ผิดกฎหมาย ผมยกตัวอย่างผมเห็น ส.ส. พรรคก้าวไกลบางคนรักสถาบัน วันนี้เขาเองพร้อมที่จะปลดแอกแล้ว พูดง่ายๆคือพยายามหนีจากฝูงซอมบี้นั่นเอง ทั้งนี้ผมมั่นใจว่าวันนี้มีคนยื่นยุบพรรคก้าวไกลกับ ก.ก.ต. 2 คนแล้ว คำตัดสินของรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร ฉะนั้นผมคิดว่าไม่น่าจะนานครับ ก.ก.ต ต้องเร่งทำทันที เหมือนครั้งหนึ่งที่ ก.ก.ต เคยยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ ก.ก.ต เองก็ใช้เวลาไม่นาน ในการพิจารณาที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญ
แล้วผมก็คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญ ณ เวลานี้ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วน เรื่องที่กระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์กระทบ กับหัวใจของประชาชน ศาลรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องเร่งพิจารณาอยู่แล้ว ดังนั้นที่ผมออกมาพูดเรื่องนี้ก็คือออกมาเตือน แค่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ที่มีถึง 44 คนนั้นเนี่ย ก็มีความผิดทั้ง 44 คนแล้ว และวันนี้ถ้าท่านมาลงชื่อแก้ไขนิรโทษกรรมที่มีร่างมาตรา 112 ประกบไปด้วยนั้นสุ่มเสี่ยงมาก สุ่มเสี่ยงที่จะกระทพผิดเกี่ยวกับสถาบันอีก มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองอย่างชัดเจน
ดั้งนั้นผมขอให้พี่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พี่ๆ น้องๆ ส.ส. ทุกคนที่จะลงมติในการรับร่างญัตตินี้ ไตร่ตรองให้ดี คิดให้ถี่ถ้วน และก็ฝากไปยังพรรคก้าวไกลว่า วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นคุณ พวกท่านไชโย โห่ร้อง วันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่เป็นคุณ ท่านบอกท่านเห็นต่างท่านเห็นแย้ง ทั้งๆที่เมื่อวานศาลรัฐธรรมนูญมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 แต่วันที่เขาตัดสินคุณพิธาแค่มติ 8:1 นะครับ คุณพิธายังยอมรับเลยครับ นายสามารถ กล่าวต่อว่า
ฉะนั้นวันนี้เองชัดเจนครับ ก็ต้องช่วยกันรณรงค์ ห้ามแก้ไขมาตรา 112 แล้วเรื่องนี้อาจจะลามไปถึงพรรคเพื่อไทย เพราะว่าวันนี้กระบวนการทางโซเชี่ยล ผมไม่รู้ว่าเป็น io ของพรรคก้าวไกลหรือเปล่า ที่พยายามเอาคลิปคุณเศรษฐา และคลิปของคุณอุ้งอิ้งที่ออกมาพูดในเรื่องของมาตรา 112 ต้องจับตาดูต่อจากนี้อีกครั้งว่ากระแสจะลามไปหรือไม่อย่างไร