“ศาลปกครองสูงสุด” พิพากษายกฟ้องคดีให้สัมปทานขุดเจาะ สำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ท้องทะเลอ่าวไทย ชี้รัฐบาลดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายนแล้ว
ที่ศาลปกครอง วันที่ 31 ม.ค.67 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 309 คน ยื่นฟ้องกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ,คณะรัฐมนตรี ,คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า ร่วมกันเห็นชอบโครงการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและไม่ผ่านความเห็นชอบ หรือมีส่วนร่วมของชาวบ้านที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียก่อน เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และขอให้ศาลสั่งให้มีการเพิกถอนประทานบัตรหรือใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะ สำรวจและผลิตปิโตรเลียมตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งระงับการดำเนินกิจกรรมใดๆ สำหรับโครงการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า เมื่อพิจารณาจากคำชี้แจงและพยานหลักฐานในสำนวนคดีแล้ว มาตรฐานและกระบวนการโดยทั่วไปของโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในบริเวณอ่าวไทยดังกล่าว เห็นว่า การดำเนินการโครงการนี้ไม่อาจถือเป็นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งให้องค์การอิสระให้ความเห็นประกอบตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นโครงการหรือกิจการ ที่จะต้องจัดทำเพียงแค่การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกจากจะหมายถึง การใช้หลักการทางวิชาการในการศึกษาและคาดการณ์ผลกระทบ ที่อาจจะเกิดจากการดำเนินโครงการพัฒนาต่างๆ อย่างรอบด้าน (EIA) เท่านั้น ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แล้ว การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโดยความเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรีให้สัมปทานโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในบริเวณอ่าวไทยพิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง