เปิดแผนปฏิบัติการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพืชผลอาสินนายทุนอิทธิพล 6 แปลงเนื้อที่ 314 ไร่ทำลายต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 4,880 ต้น บุกรุกสวนปาล์มน้ำมันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 เวลา 09.30 นาฬิกา ที่สำนักงานกองเหมืองโรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ หรือโรงไฟฟ้าลิกไนท์กระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 2 บ้านห้วยโศก ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดแผนปฏิบัติการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขาจังหวัดกระบี่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 เจ้าหน้าที่ฝายปกครองและอาสารักษาดินแดนอำเภอเหนือคลอง และกำลังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 300 นาย เข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่พักอาศัย พืชผลอาสิน ของผู้บุกรุกพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของสำนักงานเหมืองกระบี่ โรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในท้องที่หมู่ที่ 2 บ้านห้วยโศก และหมู่ที่ 4 บ้านควนยูง ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ โดยการนำของนายประหยัด นิคมภักดิ์ หัวหน้ากองวางแผนพัฒนาแหล่งเชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และพันเอก สาธิต หนูประสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่    


ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล 3 คน พร้อมด้วยราษฎร 11 คนเข้าไปบุกรุกพื้นที่ปักหลักจับจองพื้นที่และขึงลวดหนาม ทำรั้วปิดกันทางเข้าและออก ทั้งตัดโค่นล้มต้นปาล์มน้ำมัน และหยอดยาฆ่าตอต้นปาล์มน้ำมัน และปลูกต้นกล้าปาล์มน้ำมันอายุ 2 ปีขึ้นทดแทน ซึ่งเป็นการทำลายทรัพย์สินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของรัฐที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เข้าใช้ประโยชน์ซึ่งได้รับการเพิกถอนจากการเป็นค่าคุ้มครองป่าแหลมกรวดและป่าคลองบางผึ้ง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 190  ปี 2506 ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่าปี 2481 เพื่อใช้ที่ดินในการสร้างโรงไฟฟ้าเนื้อที่ 4,462 ไร่ และส่วนหนึ่งเป็นที่ดินของรัฐที่การไฟฟ้าลิกไนท์ถือครองเนื้อที่ 582 ไร่ โดยที่ดินได้ถูกจำแนกออกตามมติสภาบริหารคณะปฏิวัติ วันที่ 2 มีนาคม 2515 รวมที่ดินทั้งสองส่วยเนื้อที่ 5,044 ไร่ และได้เข้าทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี 2511 จนถึงปัจจุบัน


    ต่อมาในปี 2566 ได้มีกลุ่มนายทุนอิทธิพลในพื้นที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ในเขตสวนปาล์มน้ำมัน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แบ่งเป็นของนายทุน 6 แปลงรวมเนื้อที่ 314 ไร่ ปลูกต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 4,880 ไร่ แยกออกเป็นแปลงแรกเนื้อที่ 44 ไร่ ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 660 ต้น แปลงที่สองเนื้อที่ 42 ไร่ ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 630 ต้น แปลงที่สามเนื้อที่ 82 ไร่ ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 1,230 ต้น แปลงที่สีเนื้อที่ 61 ไร่ ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 915 ต้น แปลงที่ห้าเนื้อที่ 19 ไร่ ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 323 ต้น และแปลงที่หกเนื้อที่ 66 ไร่ ต้นกล้าปาล์มน้ำมัน 1,122 ต้น ขนำ 6 หลังซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยการนำของนายบุญยิ่ง ซึ่งมีอีกสองนายทุนอิทธิพลที่ทางพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรตำบลคลองขนาด อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดคือ นายพงษ์เพชร และอดีตจ่าสิบตำรวจเปี๊ยก อยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย ฐานกระทำความผิดบุกรุกยึดถือครองครองและทำให้เสียทรัพย์ที่ดินการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฐานความผิดพระราชบัญญัติป่าไม่ปี 2484 และฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาให้ดำเนินคดีแพงเพื่อเรียกค่าเสียหายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีราษฎรในพื้นที่อีก 11 คน เข้ามาบุกรุกพื้นที่โดยการปักเสาแนวเขตพื้นที่ในการจับจองอีกกว่า 200 ไร่


ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและพืชผลอาสินของกลุ่มนายทุนผู้บุกรุก นายบุญยิ่ง ได้นำคนงาน 20 คน พร้อมด้วยรถเทนเลอร์บรรทุกรถแบคโฮมาปิดทางเข้าและออก ของสำนักงานเหมืองการไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนเส้นทางใหม่เข้าไปในแปลงที่มีการบุกรุก เมื่อกลุ่มนายทุนทราบข่าวจึงเคลื่อนย้ายรถคันดังกล่าวเข้าไปในพื้นที่ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นแต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด