เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “จะยื้อ นิรโทษกรรม ไปถึงไหน” ระบุว่า

จะยื้อ นิรโทษกรรม ไปถึงไหน

การที่พรรคเพื่อไทย เสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการนิรโทษกรรม ใช้เวลา 60 วัน โดยอ้างว่าเพื่อรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เปิดกว้างให้นักวิชาการ และประชาชนมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งในหลักการนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่สำหรับการนิรโทษกรรมครั้งนี้ จะเป็นการยื้อเวลา หรือซื้อเวลามากกว่า เพราะการตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อศึกษาการนิรโทษกรรม ขีดเส้นให้เสร็จภายใน 60 วัน ในที่สุดก็จะขอขยายเวลาการศึกษาออกไปเรื่อยๆครั้งละ30วันบ้าง 60 วันบ้าง เหมือนคณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาต่างๆหลายคณะ ของสภาผู้แทนราษฎร

ผมเห็นว่าการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้กับผู้กระทำความผิดทางการเมือง ควรจะทำโดยเร็ว ไม่ควรยื้อเวลา ไม่ควรให้เสียเวลาอีกแล้ว ถ้าหากทุกฝ่ายต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และเกิดความปรองดองขึ้นในชาติจริง ก็ควรออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้เสร็จโดยเร็ว การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการนิรโทษกรรม ไม่จำเป็นต้องศึกษาอะไรอีกแล้ว เพราะปัญหาทั้งหมด มีการพูดถึงข้อดีข้อเสียมาเป็นเวลานาน รัฐบาลหลายชุดเคยแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาปัญหาเหล่านี้มาหลายคณะแล้ว รวมถึงการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย น่าจะเป็นบทเรียนที่ดี และมีข้อมูลเพียงพอ สำหรับกำหนดหลักเกณฑ์การนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดการเมืองได้แล้ว

ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าหากต้องการให้สังคมปราศจากข้อขัดแย้ง และสร้างความปรองดองเกิดขึ้นในชาติ ก็ควรจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับทุกกลุ่ม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เป็นการเซ็ตซีโร่ใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าหากมีข้อยกเว้นการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือนิรโทษกรรมให้เฉพาะบางกลุ่ม ความขัดแย้งก็จะไม่จบสิ้น รวมถึงผู้กระทำความผิดมาตรา 112 ซึ่งเป็นการให้โอกาสกับผู้กระทำผิด หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะได้ปรับปรุงตัวใหม่ กลับตัวกลับใจเสียใหม่ แต่ถ้าภายหลังจากการได้รับนิรโทษกรรมแล้ว ยังมีการกระทำผิดมาตรา 112 ขึ้นอีก ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยไม่ต้องมีการนิรโทษกรรมอีกแล้ว