ลุ้นพรุ่งนี้!ศาลรธน.นัดวินิจฉัยนโยบายหาเสียงแก้ ม.112 คุมเข้มมาตรการความปลอดภัย สกัดกลุ่มป่วน ชี้หากเข้าข่ายใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปค. เจอร้องฟันจริยธรรม-ยุบพรรค-ตัดสิทธิ แน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ  ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 49 ว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะเป็น หัวหน้าพรรคก้าวไกล  และพรรคก้าวไกล  ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

โดยศาลจะเริ่มประชุมในเวลา  09.30 น. แถลงด้วยวาจา ลงมติ และจัดทำคำวินิจฉัย ก่อนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 14.00 น. ตามที่นัดหมาย  ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 66   ศาลได้ไต่สวนพยานฝั่งผู้ถูกร้อง 2 คน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน  หัวหน้าพรรคก้าวไกล

คดีนี้ประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยคือการเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112   โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง   เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่   และศาลจะต้องสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าวหรือไม่   หากศาลฯ เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เข้าข่ายใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองฯก็จะสั่งยกคำร้อง แต่หากศาลฯเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ก็จะสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา49 วรรคสอง  ขณะเดียวกันผลของคำวินิจฉัยก็จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวโดยอาจมีผู้นำพฤติการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.  เพื่อเอาผิดพรรคก้าวไกล  ฐานกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตาม  มาตรา 92 (2) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง  ซึ่ง กกต.ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค   นอกจากนี้ยังอาจมีผู้นำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  เพื่อเอาผิดจริยธรรมนายพิธา และ สส.พรรคก้าวไกลด้วย

อย่างไรก็ตามการจัดมาตรการรักษาความปลอดภัย   เพื่อรองรับการวินิจฉัยคดี สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยังคงคุมเข้มมาตรการความปลอดภัยโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A)   ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ   ตามประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ    และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย   ฉบับลงวันที่ 12 ม.ค.67 โดยกำหนดห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาปฏิบัติงาน หรือมาติดต่อราชการ   และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมา   ตามวิธีการของเจ้าหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย    เนื่องจากหน่วยงานทางความมั่นคง   ได้แจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าอาจมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุหรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้   โดยมีการนำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกอาคารฯ

ขณะที่บุุคคลที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น  โดยจะต้องแลกบัตรฝากสิ่งของ  รวมทั้งต้องผ่านจุดตรวจค้นอาวุธ อย่างไรก็ตามทางสำนักงานฯ ยังได้อำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชนและประชาชนที่เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเองด้วยการติดตั้งจอทีวีพร้อมลำโพงไว้   เพื่อถ่ายทอดการอ่านคำวินิจฉัย     ส่วนประชาชนทั่วไป สามารถติดตามผลการอ่านคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ นายธีรยุทธ ผู้ร้อง   แจ้งว่าจะเดินทางไปรับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง โดยจะถึงที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ    เวลาประมาณ 13.30 น. ส่วนทางพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้อง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล   แจ้งจะไม่ไปรับฟังคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญ   เนื่องจากต้องปฎิบัติหน้าที่ที่สภาผู้แทนราษฎร

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางแกนนำพรรคก้าวไกล จะไม่ได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัย   แต่ทางสำนักงานฯ  ได้มีการประสานทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาดูแลความปลอดภัยโดยรอบอาคารสถานที่เช่นเดียวกับวันอ่านคำวินิจฉัยคดีของนายพิธา ถือหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน ) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา    โดยจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตามสถานการณ์ เฝ้าติดตามกรณีมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ   ซึ่งการพิจารณาคดีสำคัญๆ ที่ผ่านมาการจัดกำลังดูแลความปลอดภัยจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ทุ่งสองห้อง    เป็นกำลังหลัก ร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ