ผู้ปกครองนักเรียนใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ทยอยแจ้งความดำเนินคดี ครูสาวแสบหลอกเซ็นเอกสารแอบถอนเงินออมเด็กนักเรียน 72 คนกว่า 5 แสน หวั่นไม่ได้เงินคืน โอดมติที่ประชุมรับปากจ่ายคืน 3 ปีนานเกิน บางคนเรียนจบไปต่อมัธยมแล้วเพิ่งได้แค่พันกว่าบาท ด้าน ผกก.รุดสอบปากคำครูที่ถูกกล่าวหาด้วยตัวเอง ชี้พฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกงและปลอมเอกสารสิทธิ

  วันนี้ ( 30 ม.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากของลูกหลาน รวมถึงคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้ช่วงที่หลายหน่วยงาน ร่วมประชุมไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครอง และทำบันทึกว่าครูประจำชั้นคนหนึ่งยอมรับสารภาพว่าได้ยักยอกเงินออมของเด็กนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้น ป.6 รวมจำนวน 72 คน ไปใช้ส่วนตัวรวมเป็นเงินกว่า 530,000 บาท และรับปากจะหามาชดใช้คืนให้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.2565 ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากผ่านไปมากว่า 1 ปี แต่ครูคืนเงินให้กับเด็กนักเรียนตามจำนวนที่ยักยอกไปแค่ 4 คน ส่วนที่เหลืออีก 68 คน ได้เงินคืนแค่คนละ 1,300 บาท ถึงแม้มีการนัดพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ 1 มี.ค.2567 ที่จะถึงนี้ แต่ผู้ปกครองบางส่วนเกิดความกังวลใจเกรงว่าลูกหลานจะไม่ได้เงินที่เหลือคืนตามที่ครูรับปาก

ล่าสุดวันนี้ ผู้ปกครองนักเรียนที่ถูกครูยักยอกเงินด้วยการหลอกให้ผู้ปกครอง และนักเรียนเซ็นเอกสาร แล้วแอบนำไปประกอบการเบิกถอนเงินออมของเด็กนักเรียน ได้ทยอยเข้าแจ้งความและให้ปากคำที่ สภ.ลำปลายมาศ โดยผู้ปกครองที่มาแจ้งความต่างบอกตรงกันว่า อยากได้เงินที่ครูยักยอกของบุตรหลานไปคืนภายในปี 2567 นี้ เพราะบางคนเรียนจบ ป.6 และไปเรียนต่อ ม.1 ที่โรงเรียนอื่นแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน

  ขณะที่บางคนใกล้จะจบ ป.6 แล้วได้เงินคืนแค่พันกว่าบาท จึงเกรงว่าตามมติที่ประชุมที่ครูรับปากจะจ่ายคืนให้ภายใน 3 ปี คือปี 67 -69 นั้นนานเกินไป เพราะนักเรียนตั้งใจว่าจะนำเงินที่ฝากออมไว้เป็นค่าเทอมและซื้ออุปกรณ์การเรียนต่อมัธยม จึงอยากให้ทางต้นสังกัดหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหาแนวทางช่วยเหลือด้วย

  ป้าสมบูรณ์ อายุ 64 ปี บอกว่า เงินของหลานที่ฝากออมไว้กับทางโรงเรียนกว่า 19,000 บาท ถูกครูถอนออกไปหมด ตั้งแต่เกิดเรื่องผ่านมากว่า 1 ปีได้เงินคืนแค่ 1,300 บาท ตอนนี้หลานเรียนอยู่ ป.4 อีก 2 ปี ก็จะจบไปเรียนต่อมัธยมแล้ว หลานตั้งใจจะนำเงินที่เก็บออมไว้ไปซื้ออุปกรณ์การเรียนต่อมัธยม แต่กลับถูกครูแอบถอนไปใช้จนหมด กรณีที่ทางโรงเรียนอ้างมติที่ประชุมว่าครูรับปากจะหาเงินคืนให้ภายใน 3 วันคือ 67 – 69 นั้นส่วนตัวมองว่านานเกินไป และไม่มั่นใจว่าพอเวลาผ่านไปจะได้เงินคืนจริงหรือไม่จึงตัดสินใจมาแจ้งความ หากครูไม่หาเงินมาคืนก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

  ขณะที่ยายจอม อายุ 70 ปี บอกว่า ส่วนตัวไม่ได้อยากดำเนินคดีกับครู แต่ที่มาโรงพักเพราะอยากให้ตำรวจหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือ อยากได้เงินที่ครูยักยอกของหลานไปคืน หลานอุตส่าห์เก็บออมวันละ 1 บาทบ้าง 5 บาทบ้าง เพราะตั้งใจเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอม และซื้ออุปกรณ์เรียนต่อมัธยม จนตอนนี้หลานจบไปต่อ ม.1 แล้ว ก็ได้เงินคืนแค่พันกว่าบาท จากทั้งหมดกว่า 6 พันบาท อยากให้ครูเห็นใจด้วยเพราะตนก็แก่แล้วมีแคเบี้ยผู้สูงอายุ และรอเงินจากพ่อหลานส่งมาให้เท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากได้คืนวันนี้เลย

  ด้านนายสุวรรณ์ ประเสริฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการสถานศึกษา บอกว่า หลังทราบเรื่องตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.65 ทั้งทางโรงเรียน กรรมการสถานศึกษา อบต. พยายามหาทางออกและแก้ไขปัญหาร่วมกัน มีการไกล่เกลี่ยระหว่างผู้ปกครองกับครู ซึ่งครูรับปากจะหาเงินมาคืนที่ยักยอกของนักเรียนมาคืนให้ทุกคนโดยเบื้องต้นได้จ่ายคืนไปแล้ว 266,785 บาท ส่วนที่เหลือกว่า 380,000 บาท จะทยอยคืนให้ 3 งวดภายใน 3 ปี คือ งวดที่ 1 วันที่ 1 มี.ค.2567 จำนวน 150,000 บาท งวดที่ 2 วันที่ 1 มี.ค.2568 จำนวน 150,000 บาท และงวดที่ 3 วันที่ 1 มี.ค.2569 จำนวน 82,760 บาท ซึ่งผู้ปกครองมีมติเห็นชอบร่วมกัน ซึ่งตัวครูเองยอมรับผิดและรับปากจะหาเงินมาคืนให้ หากครูไม่หาเงินมาชำระคืนก็ค่อยว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนเรื่องวินัยขึ้นอยู่กับทางต้นสังกัดที่จะพิจารณาดำเนินการ

  ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ ได้มาพบปะผู้ปกครองนักเรียนที่มาแจ้งความ พร้อมทั้งได้ทำการสอบปากคำครูที่ถูกกล่าวหาด้วยตัวเอง เบื้องต้นจากการสอบสวนแล้ว พบว่าพฤติการณ์การกระทำของ น.ส.นก (นามสมมุติ) ครูที่ถูกกล่าวหา เข้าข่ายกระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงและปลอมเอกสารสิทธิ”ซึ่งจะได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป