ช่วงเย็นที่ผ่านมาได้มีพิธีรดน้ำศพนายภักดี อายุ 47 ปี นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการเรือนจำอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้ก่อเหตุอัตวินิบาตกรรมที่บ้านพักเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.67) ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต.ชะเมา อ.ปากพนัง โดยมีนายสุรินทร์ จันทรเทพ รักษาการผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอปากพนังพร้อมกับบรรดาข้าราชการจากเรือนจำปากพนังและญาติพี่น้องมาร่วมพิธีรดน้ำศพนายภักดี เป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

ครอบครัวของนายภักดี ผู้เสียชีวิต เปิดเผยถึงเหตุผลที่จะย้ายกลับไปยังเรือนจำอำเภอทุ่งสง หลังจากย้ายมาทำหน้าที่ที่เรือนจำปากพนังได้ 4 เดือน เหตุที่ย้ายจากทุ่งสงมาปากพนังเพราะต้องการกลับมาอยู่บ้านที่สร้างเสร็จเพื่ออยู่อาศัย ส่วนมีการระบุว่าผู้ตายเครียดเรื่องของปัญหาครอบครัวเนื่องจากหย่าร้างกับภรรยานั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากได้หย่าร้างกับภรรยามา 2 ปีกว่าแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเรื่องผ่านไปนานแล้ว

ส่วนสาเหตุที่นายภักดี ได้ขอย้ายกลับไปยังเรือนจำทุ่งสงนั้น เนื่องมาจากมีความเครียดเกี่ยวกับการทำงาน เพราะปกติอยู่ที่เรือนจำทุ่งสงนายภักดี จะทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องของการดูแลผู้ต้องขัง และเป็นข้าราชการระดับซี 7 แล้ว กำลังจะสอบขึ้นซี 8 แต่เมื่อย้ายมาอยู่ที่เรือนจำปากพนังได้ให้ไปปฏิบัติหน้าที่งานหนังสือ งานเอกสาร ซึ่งนายภักดี ไม่มีความชำนาญ จึงค่อนข้างที่จะเครียดและกดดันกับการทำงานด้านเอกสารและด้านหนังสือที่ไม่ถนัด

“นี่เชื่อว่าเป็นเหตุผลที่นายภักดี ขอย้ายกลับไปยังเรือนจำอำเภอทุ่งสง โดยเคยบอกกับญาติว่า ทำการยื่นหนังขอย้ายกลับ 2 ครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ และคิดว่าคงยากที่จะได้ย้ายกลับ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียด ประกอบกับเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ด้วย รวมทั้งอาศัยอยู่บ้านคนเดียว จึงอาจทำให้คิดสั้นได้”

อย่างก็ตามล่าสุดนายวิทยา แก้วภราดัย สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ได้เตรียมข้อมูลเรื่องนี้เสนอต่อสภาในประเด็นสวัสดิภาพและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์  และในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน จะพูดคุยและหาช่องทางในการเสนอเรื่องพิจารณาศึกษาทั้งระบบโดยเฉพาะเรื่องสวัสดิภาพและสวัสดิการ ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีภาระงานล้นอย่างมากจากสภาพเรือนจำทั่วประเทศที่รองรับนักโทษได้ 2 แสนคน แต่ปัจจุบันล้นไปถึง 3.7 แสนคน แล้ว.