วันที่ 30 ม.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีในวันที่ 5 ก.พ.นี้ ไทยและซาอุดิอาระเบียจะมีการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย หรือ (Saudi-Thai Coordination Council : STCC) สำหรับการประชุมนั้นจะมีการเจรจาข้อตกลง 5 เสาหลัก ประกอบด้วย 1.เสาหลักด้านการต่างประเทศ และการเมือง 2.เสาหลักด้านเศรษฐกิจ 3.เสาหลักด้านการลงทุน 4.เสาหลักด้านวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว และ 5.เสาหลักด้านการทหาร และความมั่นคง โดยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันนี้ด้วย พร้อมเผยว่า การพูดคุยดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายหลังไทยเปิดความสัมพันธ์กับซาอุฯ
ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องการช่วยเหลือเหยื่อตัวประกันของกลุ่มฮามาสในเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ฉนวนกาซา-อิสราเอล นายปานปรีย์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ติดตามสถานการณ์ตัวประกันกับทางอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะดำเนินการประสานงานปล่อยตัวประกันชาวไทยโดยเร็วที่สุด รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนก็มีมติในเรื่องดังกล่าว และขอให้มีการปล่อยตัวไทย รวมทั้งตัวประกันที่เป็นประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างเร่งด่วน
ส่วนแรงงานไทยที่เดินทางกลับไปทำงานยังประเทศอิสราเอลแล้วนั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า ได้ติดตามมาตลอดว่า แรงงานไทยที่เดินทางกลับไปนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สำคัญคือ หากไปทำงานที่อิสราเอลแล้ว ชาวไทยต้องได้รับความปลอดภัย ซึ่งตน และประธานาธิบดีอิสราเอลได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ พร้อมขอให้ทางอิสราเอล ถ้ามีความประสงค์จะให้แรงงานไทยกลับไปทำงาน ต้องไปในพื้นที่ Green Area หรือพื้นที่ที่ปลอดภัยเท่านั้น