วันที่ 28 ม.ค.2567 นายสมชาย แสวงการ สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เหตุที่คดีนายพิธาและพรรคก้าวไกลที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยวันที่ 31 ม.ค.2567 มีความสุ่มเสี่ยงถูกวินิจฉัยมีความผิด ให้ยุติการกระทำตามคำร้อง อาจนำไปสู่การร้องดำเนินคดีที่หนักขึ้นในก้าวต่อไป ดังนี้ 1.คำร้องประกอบหลักฐานค่อนข้างแน่นหนา ชี้ให้เห็นถึงการกระทำต่างๆต่อเนื่อง หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่19/2564 สั่งห้ามการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่ยังปรากฎการเคลื่อนไหวขององค์กรเครือข่ายต่อเนื่อง อาทิ การกำหนดการแก้ไขมาตรา112 เป็นนโยบายพรรค การเดินสายเวทีหาเสียงต่างกรรมต่างวาระ การพูดอภิปรายในรัฐสภา การให้สัมภาษณ์สื่อไทยและต่างประเทศ อาจถูกชี้ให้เห็นมีส่วนร่วมอย่างไม่เป็นทางการหลายกรณีที่ชัดเจนต่อสถาบัน ทั้งการเสนอร่างแก้ไขมาตรา112 ที่เป็นกฎหมายความมั่นคงคุ้มครองพระประมุข
นายสมชาย ระบุว่า 2.คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่19/2564 ระบุพฤติการณ์และเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการกระทําของผู้ถูกร้อง แสดงให้เห็นมูลเหตุจูงใจว่า การใช้สิทธิหรือเสรีภาพมีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่การปฏิรูป การใช้สิทธิเสรีภาพของผู้ถูกร้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต ละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้อง กลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทําการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา49วรรคสองด้วย แต่ยังปรากฎการกระทำดังกล่าว โดยกลุ่มบุคคลและพรรคการเมืองต่อเนื่องมา
"ส่วนตัวผมเห็นว่า คำร้องของนายธีรยุทธ พร้อมเอกสารหลักฐานที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างถึงการที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลทำผิดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19 /2564 ที่สั่งการห้ามการกระทำดังกล่าวแล้ว มีน้ำหนักมากที่จะทำให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล มีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งในคดีนี้"นายสมชาย ระบุ