วันที่ 27 ม.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงทิศทางการทำงานฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์หลังพรรคก้าวไกลแถลงโรดแมปการทำงานว่า ในฐานะที่เราเป็นฝ่ายค้านร่วมกันนั้นแน่นอนว่าการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรก็ถือเป็นหลักสำคัญที่จะต้องทำงานร่วมกัน แต่ก็จะมีบางสิ่งบางเรื่องที่ต้องแยกออกจากกัน เช่นอย่างพรรคก้าวไกลที่จะมีการดำเนินกิจการของพรรคเขาเองที่แตกต่างกันไป แต่ที่ผ่านมาในการทำงานร่วมกันทุกอย่างราบรื่นดี 

 

นายราเมศ กล่าวว่า ส่วนที่พรรคก้าวไกลประกาศโรดแมปการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรเราไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่ก็จะมีบางเรื่องที่เช่น กรณีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้จากการได้พบปะของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยังไม่มีอะไม่มีชัดเจน เราคงพูดได้ในฐานะค้านฝ่ายและฐานะพรรคประชาธิปัตย์ว่าตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่นั่นคงเป็นหน้าที่ของวิปฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่ในส่วนของพรรคเราก็ทำอยู่แล้วเราตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมาตลอด และเตรียมข้อมูล แค่คงบอกไม่ได้ว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง แต่ยืนยันว่าพรรคเราเก็บข้อมูลของรัฐบาลมาตลอด แต่คงไม่ใช่เป็นการวางแนวทางการทำงานเหมือนโรดแมปพรรคก้าวไกล แต่เราได้กำหนดโครงสร้างการทำงานของพรรคในระบบรัฐสภาตั้งแต่หลังเลือกตั้งแล้ว 

 

นายราเมศ กล่าวว่า อีกทั้งแต่ละสัปดาห์เราก็มีการได้พูดคุยกันตลอด เพราะสถานการณ์การเมืองอาจจะมีบางเรื่องที่เป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างเช่นเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนจะไปผลักดันเรื่องร่างกฎหมายนั้นยอมรับว่าพรรคเราเป็นพรรคเดียวที่มีหลักชัดเจนในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการพูดถึงการยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเข้าไปอันนี้เป็นส่วนที่พรรคเราได้ยึดมาโดยตลอดว่าการตะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขยากเพราะติดเงื่อนไขที่สมาชิกวุฒิสภา ฉะนั้นการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมได้ง่ายขึ้นเรื่องนี้ถือเป็นการตั้งหลักมาในทิศทางเดียวกัน แน่นอนว่าพรรคเราคงได้ตั้งคณะทำงานมาดูเรื่องนี้เพราะเราต้องการที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากขึ้น

 

ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคที่ได้รับมอบหมายให้สนับสนุนงานของสภา ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเรากับพรรคก้าวไกลก็ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างราบรื่นดี แต่บางกลไกลยังไม่ได้เคลื่อน และจากที่หัวหน้าพรรคเราไปหารือกับก้าวไกลแล้วเราก็จึงกำหนดจะประชุมร่วมกันเดือนละครั้ง แต่ก็ไม่ได้กำหนดว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือนสองเดือนนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานร่วมกันเป็นฝ่ายค้านแล้วเราจะเป็นฝ่ายค้านอย่างมีเอกภาพ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะถ้าเราเห็นว่าช่วงไหนบ้านเมืองเสียหายเราก็คงได้ยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเรายืนยันว่าเราเป็นฝ่ายค้านสมบูรณ์แบบไม่ทีควาทกังวลอะไรเลย