นับตั้งแต่ “เยอร์เกน คล็อปป์” กุนซือชาวเยอรมันรับงานคุมทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลเมื่อปี 2015 “เครื่องจักรสีแดง” ในยุคของ “คล็อปป์” ก็ก้าวกระโดดจากทีมขาประจำลุ้นท็อปโฟร์ ของพรีเมียร์ลีก สู่ตำแหน่ง “เจ้ายุโรป” หลังคว้าแชมป์ถ้วย “UEFA Chapions League” และแชมป์ศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019/20 ด้วยฟอร์มร้อนแรงอันสม่ำเสมอช่วง 2-3 ปีหลัง

เบื้องหลังความสำเร็จในสนามของ “หงส์แดง” เกิดขึ้นได้จากการอดทนสร้างทีม ทั้งซื้อนักเตะใหม่ และถ่ายเลือดเก่าในช่วง 4-5 ปีหลังสุด

ต้องยอมรับว่า ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล คือ หนึ่งในสโมสรทีมฟุตบอลชั้นนำระดับโลกจากอังกฤษ ที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลกทีมหนึ่ง และกำลังลุ้นที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ สำหรับการคว้า 4 แชมป์ 4 ถ้วย ในฤดูกาลนี้ ภายใต้การคุมทีมของ “เยอร์เก้น คล็อปป์”

ซึ่งฤดูกาลนี้ “เจอร์เก้น คล็อปป์” ได้มีการปรับแต่ง ห้องเครื่องแบบยกแผงและสร้าง แผงกองกลางขึ้นมาใหม่ ซึ่งดูไฉไล เฉียบขาด ด้วยมันสมอง และสองมือของตัวเอง

และกลายร่างเป็น “ลิเวอร์พูล 2.0” ที่กำลังเดินไปบนถนนแห่งความหวัง ทุกย่างก้าว ล้วนหนักแน่น เปี่ยมไปด้วยเส้นทางความท้าทาย  แถมยืนอยู่บนเส้นทางการลุ้นแชมป์ในทุกรายการ ทั้ง พรีเมียร์ลีก ที่เป็นจ่าฝูง คาราวคัพ มีโอกาสเข้าชิงสูง ยูโรปาลีก ที่เป็นเต็ง 1 ขณะที่ เอฟเอคัพ ก็บุกปราบ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ดับคาถิ่น แต่ จะกวาดทั้ง 4 แชมป์ ได้หรือเปล่ายังต้องดูอีกยาวๆ แต่ที่แน่ๆ ในฤดูกาลนี้ แฟนๆ “เดอะค็อป” ทั่วโลก เตรียมฉลองกันได้เลย รับรอง “หงส์แดง” มีถ้วยติดมือมาฝากแฟนหงส์แน่ๆ

เหตุผลง่ายๆ เป็นเพราะ “ลิเวอร์พูล 2.0” กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และหากบรรดานักเตะที่บาดเจ็บ หายกลับมาสู่ทีมครบ บวกกับผู้เล่นชุดปัจจุบันที่มีอยู่ เชื่อเถอะ ไม่มีทีมไหนจะมาหยุดความร้อนแรงของ “ลิเวอร์พูล” ลงได้ ไม่ว่าจะเป็น “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ หรือ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่กำลังไล่กวด คว้าแต้มไล่บี้ “หงส์แดง” อบ่างเอาเป้นเอาตาย ที่อยู่ในช่วงของความมั่นใจได้

แต่แฟนบอล ต้องยอมรับกันว่า “สูตรสำเร็จ” ของทีม “หงส์แดง” ในฤดูกาลนี้  ไม่ใช่แค่เกมในสนามเพียงอย่างเดียว  แต่มันเกี่ยวพันกับความรู้สึก ของทั้งแฟนบอล ทั้งชุมชน และวัฒนธรรม ดังนั้นการออกนำเป็นจ่าฝูงของ “ลิเวอร์พูล” ในเวลานี้ รวมทั้งเส้นทางการลุ้น 4 แชมป์ กลายเป็นกระแสการพูดคุยของแฟนบอลทั่วโลก ถือว่าคู่ควรกับความภาคภูมิใจเหล่านั้นจริงๆ